ค้นหา

บทความที่ได้รับความนิยม

Wikipedia

ผลการค้นหา

วันเสาร์ที่ 12 กันยายน พ.ศ. 2558

ประวัติต้นไม้มะนีโคดต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ของลาว


ต้นไม้ชนิดหนึ่งเชื่อกันว่ามีต้นเดียวในโลก
เรียกว่า มะนีโคด หรือ ต้นแก้วมณีโคตร เกิดบนเกาะที่น้ำตกคอนพะเพ็ง
"ต้น มณีโคตร" หรือ "ต้นชี้ตายปลายชี้เป็น"อยู่ตรงกลางระหว่างต้นไทร 2 ต้น

จากตำนานของลาวที่เล่าขานสืบต่อกันมาว่า เป็นต้นไม้วิเศษ "กกชี้ตาย ปลายชี้เป็น" หมายความว่าหากปลายชี้ไปทางไหนก็จะมีแต่ความเจริญ โดยปัจจุบันต้นมณีโคตรมีปลายอยู่สามกิ่ง ชี้ไปทางกัมพูชา ไทยและลาว ที่หมายถึงว่าทั้งสามประเทศจะเจริญเป็นมรกตแห่งอินโดจีน การที่มีความชื้นอุณหภูมิและระบบนิเวศที่เหมาะสมเฉพาะเป็นปัจจัยทำให้เกิดมีต้นไม้ชนิดนี้เพียงต้นเดียวเขาว่ากันว่า รากของต้นมะนีโคด
จะสามารถรักษาอาการป่วยได้ทุกชนิด

มีตำนานเล่าขานหลายแบบเรื่องเล่าที่1
จากปากคำของผู้หนึ่งที่อ้างว่าได้ไปมา เป็นดังนี้เมื่อประมาณห้าสิบปีมาแล้วเห็นจะได้"มณีโคตร"
เป็นที่รู้จักดีทั้งชาวลาวและชาวอีสานด้านติดชายแดนระหว่างอำเภอพิบูลมังสาหาร จังหวัดอุบลราชธานีกับเมืองปากเซของประเทศลาวด้วยว่ามีพระภิกษุรูปหนึ่งท่านได้ธุดงค์โปรดสัตว์อยู่ที่นั่น ไม่ว่าท่านจะไปบ้านใดอำเภอไหน ท่านจะกล่าวอยู่เสมอว่า "ผู้ใดไปถึง ลี่ผี (หมู่บ้านแห่งหนึ่งในจังหวัดปากเซ)
หากเป็นผู้ไม่มีบุญบารมีแล้วอย่าหวังเลยว่าจะได้เห็นต้นมณีโคตร"
ตามประวัติแล้ว "มณีโคตร" เป็นต้นไม้ใหญ่เกิดอยู่กลางน้ำ ซึ่งไหลต่อลงมาจากน้ำตก "พระเพ็ง"
ลักษณะของกิ่งและใบไม่ดกหนานัก

แต่ที่ประหลาดพิสดารที่สุด เห็นจะเป็นที่ว่า แทนที่ต้นของมันจะตั้งอยู่ตามธรรมชาติ กลับแหวกกฏธรรมชาติปล่อยให้รากแก้ว รากฝอยพุ่งขึ้นไปในอากาศ เอากิ่งก้านสาขาของมันหยั่งลงบนพี้นน้ำแทน ทั้งยังเจริญงอกงามอยู่ได้ไม่เฉาตายคนเฒ่าคนแก่ท่านว่า แต่เดิมต้นไม้ต้นนี้ก็ไม่ได้มีความประหลาดพิสดารอย่างนี้หรอก ทว่า คราวหนึ่งสามเณรน้อยผู้เคร่งครัดท่านหนึ่งไปนั่งบำเพ็ญภาวนาอยู่ใต้ต้นนี้ ซึ่งยังมีลักษณะปกติอยู่ ทางอีสาณท่านว่านั่งจำศีลละครับ ตกเช้าท่านก็ออกบิณฑบาตไปตามป่าเขาบริเวณนั้นเป็นเขาสูงไม่มีคนอยู่เลยแต่ท่านก็มีอาหารเต็มบาตรทุกเช้า เขาว่าท่านบิณฑบาตจาก"ผีบังบด"

อันนี้ขอแปลสักหน่อยนะครับทางอีสานจัดให้เป็นภูตชนิดหนึ่งแต่เป็นภูตที่มีจิตใจโอบอ้อมอารี จะด้วยเหตุผลกลใดก็ไม่อาจทราบได้
วันหนึ่งท่านก็เดินลุยน้ำเข้าไปในโพรงใต้ต้นไม้หายไปรุ่งขึ้นอีกวันต้นไม้นั้นก็มีอันผิดกฏธรรมชาติดังที่ผมเล่ามาข้างต้น และท่านก็ไม่กลับออกมาอีกเลย คงปล่อยให้ต้นไม้นั้นคงอยู่ในลักษณะนั้นตลอดมา

เพื่อให้เห็นภาพต้นมณีโคตรดูคลิปเลยครับ


วันพฤหัสบดีที่ 10 กันยายน พ.ศ. 2558

ดอกแคฝรั่ง (สีขาว)


ดอกแคฝรั่ง (สีขาว)
ชื่ออื่น : แคฝรั่ง
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Gliricidia sepium (Jacq.) Steud
วงศ์ : PAPILIONOIDEAE
ลักษณะ : แคฝรั่ง (สีขาว) เป็นไม้ต้นทรงพุ่มแผ่กว้าง มีความสูงประมาณ 10 ถึง 15 เมตร ดอกมีสีขาว


ลักษณะพิเศษ : ไม้ประดับ พืชสวนครัว ไม่มีข้อมูล
รายละเอียด : แคฝรั่งเป็นไม้ยืนต้นขนาดกลาง ลำต้นสีน้ำตาลเทา แตกกิ่งก้านไม่เป็นระเบียบ เป็นไม้ผลัดใบ ใบเป็นใบประกอบแบบขนนก มีใบย่อยรูปรี หรือรูปหอกแกมรูปขอบขนาน โคนใบสอบปลายใบแหลม
ดอกออกเป็นช่อที่กิ่งและปลายยอด สีขาว สีชมพู
ผลเป็นฝักแบนยาว
ฤดูกาลออกดอก ช่วงฤดูหนาวหรือประมาณเดือนธันวาคมถึงกุมภาพันธุ์ มักจะทิ้งใบก่อนออกดอก นิยมปลูกประดับตามสวนหย่อม หรือตามสวนสาธารณะ

วิธีการปลูกและดูแล :
ดินที่เหมาะสม ดินทุกชนิดไม่มีข้อมูลไม่มีข้อมูล ต้องการน้ำปานกลาง ควรปลูกในที่มีแสงทั้งวัน
วิธีการขยายพันธุ์ :
เพาะเมล็ด เสียบยอด


ดอกแก้วมุกดา-นางสวรรค์


ดอกแก้วมุกดา.
ชื่ออื่น : นางสวรรค์ โกงกางเขา
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Fagraea racemosa Javanic, Fagraea blumeaua
วงศ์ : LOGANIACEAE
ลักษณะ : แก้วมุกดา เป็นไม้พุ่ม มีความสูงประมาณ 2 ถึง 3 เมตร ดอกมีสีขาว
ลักษณะพิเศษ : ไม้ประดับ ไม้ดอกหอม ไม่มีข้อมูล

รายละเอียด : แก้วมุกดาเป็นไม้ป่า ทรงพุ่มแผ่กว้าง เป็นไม้ไม่ผลัดใบ มีทรงพุ่มและใบที่สวยงาม ลำต้นขรุขระสีเขียวอมเหลือง ใบหนาค่อนข้างกลมรี ดอกออกเป็นช่อสีขาวที่ปลายยอด กลีบดอกหนา 5 กลีบ และมีเกสรยื่นยาวออกมากลางดอก มีกลิ่นหอมอ่อนๆ ใบหนาค่อนข้างกลมรี แก้วมุกดามีสองชนิด คือชนิดดอกหอมและชนิดดอกไม่หอม แก้วมุกดาพันธุ์ดอกไม่หอมมีสีดอกขาว
อมเหลืองมีริ้วสีเหลืองบริเวณโคนดอก
ทั้งด้านนอกและด้านใน ส่วนพันธุ์ดอกหอมจะมีสีขาวอมเขียว ใบของแก้วมุกดาสายพันธุ์ดอกไม้หอม 
ใบมีลักษณะงุ้มลง ส่วนพันธุ์ดอกหอมมีลักษณะห่อตัวขึ้น
ฤดูกาลออกดอก ดอกออกตลอดปี ช่วงเวลาเป็นดอกตูมนานมาก เมื่อบานวันเดียวโรย นิยมปลูกประดับให้ร่มเงาตามบ้านและตามสวนสาธารณะ สถานที่ต่างๆ ระยะห่างการปลูกควรไม่น้อยกว่า 4 เมตร
ต้นของแก้วมุกดา
วิธีการปลูกและดูแล :
ดินที่เหมาะสม ดินร่วนไม่มีข้อมูลไม่มีข้อมูล ต้องการน้ำค่อนข้างมาก ควรปลูกในที่มีแสงทั้งวัน
วิธีการขยายพันธุ์ :
เพาะเมล็ด ตอนกิ่ง

ชี้“ควินัว-เมล็ดเชีย”สรรพคุณเหมือนธัญพืชไทย


ชี้“ควินัว-เมล็ดเชีย”สรรพคุณเหมือนธัญพืชไทย
ผศ.ดร.อาณดี นิติธรรมยง อาจารย์ประจำสถาบันโภชนาการ มหาวิทยาลัยมหิดล
กล่าวว่า ขณะนี้คนไทยหันมาสนใจการดูแลสุขภาพมากขึ้น จึงมีการค้นคว้าหาพืชที่มีประโยชน์
โดยดูจากวิถีชีวิตของคนสมัยก่อนที่พบว่าเกิดโรคไม่ติดต่อเรื้อรังน้อยและส่วนใหญ่มีสุขภาพดี จึงสนใจเมล็ดพืชพื้นฐานที่คนยุคก่อนรับประทานเป็นอาหารและมีข้อมูลดีกับสุขภาพ เช่น ควินัว และเมล็ดเชีย

จึงทำให้ขณะนี้ประเทศไทยกำลังเกิดกระแสนิยมการรับประทาน “ควินัว” และ “เมล็ดเชีย” เพราะถือเป็นอาหารโบราณที่มีการรับประทานกันมานาน แต่พืชทั้ง 2 ชนิดนี้ไม่ใช่พืชเขตร้อนที่พบในแถบประเทศไทย ส่วนใหญ่จะพบทางอเมริกาใต้ และอเมริกาเหนือ โดยองค์ประกอบของพืชทั้ง 2 ชนิด จะมีโปรตีน คาร์โบไฮเดรต วิตามิน แร่ธาตุ และสารต้านอนุมูลอิสระ

       “ความจริงแล้ว ควินัว และเมล็ดเชีย ก็ไม่ได้ต่างจากธัญพืชของไทย เช่น ธัญพืชหลากสี
ข้าวไรซ์เบอร์รี ลูกเดือย ถั่วแดง ถั่วดำ เป็นต้น เพราะสารอาหารก็มีไม่แตกต่างกัน เรียกได้ว่าทั้งควินัว
และเมล็ดเชีย ก็ไม่ได้พิเศษไปกว่าธัญพืชของไทย จนต้องหันไปรับประทาน แต่ที่คนไทยสนใจ ควินัวและเมล็ดเชีย เพราะมีการวิจัยคุณค่าทางโภชนาการเรื่องสารอาหาร
แต่ส่วนใหญ่ธัญพืชของไทยยังไม่มีการทำวิจัยเท่านั้น ทำให้ไม่นิยมรับประทาน” ผศ.ดร.อาณดี กล่าว
  
       ผศ.ดร.อาณดี กล่าวว่า ไม่จำเป็นต้องไปตื่นตัวตามกระแส และหลักสำคัญในการรับประทานอาหารคือ ไม่ควรไปคิดว่าจะมีพืชหรืออาหารชนิดเดียวที่จะสามารถเป็นยาครอบจักรวาล แต่ควรเลือกรับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ และหลากชนิด เพราะนอกจากจะให้ประโยชน์ทางแง่โภชนาการและสร้างสารต้านอนุมูลอิสระ ก็ยังจะช่วยลดความเสี่ยงจากสารตกค้างจากอาหารบางชนิดได้อีกด้วย จริง ๆ ทั้งควินัว และเมล็ดเชีย หากอยากทดลองรับประทานก็สามารถทานได้ แต่ไม่มีความจำเป็นต้องซื้อรับประทานทุกวัน เพราะมีราคาสูง แต่สามารถรับประทานกันได้เป็นการเปลี่ยนบรรยากาศและรสชาติ

วันพุธที่ 9 กันยายน พ.ศ. 2558

ดอกไม้ที่เป็นสัญลักษ์ของความตาย?

ดอกไม้ที่เป็นสัญลักษ์ของความตาย?


ดอกไม้จันทน์ มาจากคติความเชื่อเรื่องการเผาเครื่องหอมเพื่อการบูชาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ การส่งผู้ตายสู่สุคติภพและประโยชน์เพิ่่อการดับกลิ่นศพ


ดอกซ่อนกลิ่น ฝรั่งถือเป็นสัญลักษณ์แทนการแอบรัก ของไทยดอกซ่อนกลิ่นกลายเป็นดอกไม้งานศพอันเนื่องมาจากการได้เคยนำมาใช้ครั้งแรก ๆ ในงานศพทำให้กลายเป็นดอกไม้งานศพไปทำนองเดียวกับการบรรเลงปี่พาทย์มอญที่กลายเป็นดนตรีงานศพเพราะแรกนำมาบรรเลงในงานศพ และทำนองเดียวกับดอกสโนว์ดรอปของฝรั่ง ที่ ๆ จริงแล้วเป็นดอกไม้สัญลักษณ์ของความหวัง ซึ่งมีตำนานว่าอดัมกับอีฟถูกไล่ออกมาจากสวนอีเด็น อีฟเสียใจได้เฝ้าแต่ร้องไห้ จนกระทั่งถึงฤดูใบไม้ร่วง

ด้วยความเศร้าโศกของอีฟไม่มีดอกไม้ผลิบานเลยสักดอก และถึงฤดูหนาวหิมะก็ตกไม่ยอมหยุด บรรยากาศมีแต่ความเศร้า เหล่าเทวดาที่มาปลอบโยนอีฟ จึงกอบหิมะใส่มือแล้วเป่าลงไปเป็นเกร็ดหิมะโปรยปรายตกต้องผืนดิน กลายเป็น ดอกSnowdrop ดอกไม้ที่ไม่บานมานานจึงเริ่มบานอีกครั้ง เป็นสัญลักษณ์ว่าแม้หิมะจะตกยังมีดอกสโนว์ดรอปบาน เหมือนกับชีวิตแม้จะเลวร้ายเพียงใด แต่ต้องมีความหวังว่าจะมีสิ่งดี ๆ เกิดขึ้น แต่ว่าดอกไม้นี้นิยมปลูกรอบ ๆ โบสถ์จึงถือว่าเป็นดอกไม้แห่งความตายความเศร้าหมอง 
จึงไม่นิยมนำเข้าบ้าน


ดอกกุหลาบสีดำ เป็นสัญลักษณ์ของความโศกเศร้าและความตาย แต่ไม่ทราบที่มานะคะ แต่ถ้าเป็นในเรื่องสั้นของออสการ์ ไวลด์ เรื่องไนติงเกลแอนด์เดอะเรดโรส เรื่องนั้นกว่าจะได้กุหลาบแดงสวยสด นกไนติงเกลที่บูชารักต้องพลีชีพเอาเลือดในตัวมันมาสร้างกุหลาบแดง (อ่านแล้วเศร้ามาก)

เบญจมาศขาว ประเทศจีนถือว่าดอกเบญจมาศเป็นดอกไม้มงค เบญจมาศขาวหมายถึง สัจจะ ความซื่อสัตย์ และเป็นดอกไม้ประจำราชวงศ์ญี่ปุ่น แต่ประเทศทางยุโรปบางประเทศถือว่าเป็นดอก
ไม้แห่งความตาย ดอกไม้งานศพ จึงไม่นิยมนำดอกเบญจมาศขาวไปเยี่ยมผู้ป่วย


ดอกป๊อปปี้ ดอกไม้สัญลักษณ์วันทหารผ่านศึก ถึงจะไม่ได้เป็นดอกไม้สัญลักณ์ของความตาย
โดยตรงแต่มีที่มาจากความตายของทหารในสงคราม เนื่องจากในสงครามโลกครั้งที่ 1
ทหารพันธมิตรได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตจากสมรภูมินี้มากที่สุด 
จอมพลเอิร์ล ออฟ เฮก ผู้บัญชาการรบได้เห็นปรากฎการณ์ธรรมชาติที่น่าพิศวงเกิดขึ้น ในบริเวณหลุมฝังศพทหาร โดยมีดอกป๊อปปี้ป่าขึ้นอยู่ทั่วไป ทำให้เกิดเป็นลานสีแดงสวยงาม ตั้งแต่นั้นมา ดอกป๊อปปี้จึงกลายเป็นดอกไม้อนุสรณ์แห่งวีรกรรมของ ทหารผ่านศึก เตือนใจให้ระลึกถึงเลือดสีแดงของทหารที่ได้เสียสละเพื่อประเทศชาติ

ดอกไม้สีขาว ในงานศพของชาวจีนโบราณ หญิงหม้ายที่สามีตายเอาดอกไม้สีขาวทัดหูในงานศพของสามีเป็นการไว้อาลัยเพื่อให้สามีไปสู่สรวงสวรรค์
ดอกไม้สีขาว
ด้วยความปราถนาดีจาก  Men love

วันอังคารที่ 8 กันยายน พ.ศ. 2558

ต้นดอกเพลิงภาณุ


วันนี้ขอนำต้นไม้ดอกแดงๆ ที่กำลังออกดอกสวยงาม ที่ออสเตรเลีย
มาให้ชมกันครับไม่มีต้นไม้ต้นไหนร้อนแรงไปกว่า เปลวพระเพลิง หรือ Brachychiton acerifolius ในช่วงปลายฤดูใบไม้ผลิอีกแล้ว
เปลวพระเพลิง หรือ เพลิงภาณุ หรือเรียกกันว่า Illawarra Flame Tree, Flame Tree 
เป็นไม้อยู่ในวงศ์ Sterculiaceae
มีถิ่นกำเนิดบริเวณชายฝั่งตะวันออกของออสเตรเลีย


ดอกสีแดงสะพรั่งทั้งต้นของ Brachychiton acerifoliusส่องแสงแดงมากระทบสายตาแต่ไกลดูแล้วตื่นตาตื่นใจมากๆ
ช่วงที่ออกดอกจะทิ้งใบที่มีลักษณะคล้ายใบเมเปิ้ลขนาดใหญ่
(acerifolius =ใบคล้ายใบเมเปิ้ล)
แล้วออกจะดอกแดงไปทั้งต้นครับ
เค้าอยู่ในสกุลเดียวกันกับต้นขวด Queensland Bottle Tree Brachychiton rupestris

ดอกเปลวสุริยัน


ดอกเปลวสุริยัน
ชื่ออื่น : Mexican Flamevine,
Orangeglow Vine
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Pseudogynoxys chenopodioides (Kunth) Cabr.
วงศ์ : COMPOSITAE (ASTERACEAE)
ลักษณะ : เปลวสุริยัน เป็นไม้เลื้อย ดอกมีสีแดง
ลักษณะพิเศษ : ไม้ดอกหอม 
เปลวสุริยัน,Mexican Flamevine, Orangeglow Vine 


รายละเอียด : เป็นไม้เลื้อย เถาแก่มีสีน้ำตาล ยอดอ่อนสีเขียวและมีขนอ่อนๆหนาแน่น ใบเดี่ยว เรียงเวียนสลับ ขอบใบมีหนามแหลม เส้นใบย่อยด้านบนเป็นร่อง ช่อดอกสีแดงเข้ม ออกทีละหลายยอด มีดอกย่อย 6-10 ดอก เมื่อบานมีเส้นผ่านศูนย์กลาง 4 เซนติเมตร มีเมล็ดจำนวนมาก มีปุยปลิวไปตามลมได้
ฤดูดอกบาน : ตุลาคม - มีนาคม 
ดอกทยอยบานทั้งช่อ บานอยู่ได้ 2 วันจึงโรย มีกลิ่นหอมอ่อนๆ ในช่วงกลางวัน
การปลูก : ควรปลูกลงแปลงกลางแจ้ง และทำซุ้มให้เลื้อยไต่ หมั่นตัดแต่งเถาให้สวยงาม


วิธีการปลูกและดูแล :
ดินที่เหมาะสม ดินร่วน ต้องการน้ำปานกลาง ควรปลูกในที่มีแสงทั้งวัน
วิธีการขยายพันธุ์ :
เพาะเมล็ด ปักชำกิ่ง ตอนกิ่ง

ต้นไม้ประหลาดในสกอตแลนด์


ต้นไม้ประหลาดในสกอตแลนด์
…มองดีๆ มันมีอะไรฝังอยู่ในนั้น ?advertisementsสำหรับบทความนี้เราจะพาเพื่อนๆเดินทางเข้าสู่ป่าลึกส่วนหนึ่งของประเทศสกอตแลนด์ ไปพบกับต้นไม้หน้าตาประหลาดที่เชื่อว่าหลายคนจะต้องเกิดข้อสงสัยถึงที่ไปที่มาของมันอย่างแน่นอนตามหลักของการยอมรับในเรื่องของ
เงินมูลค่าที่เราใช้แลกเปลี่ยนซื้อขายกันทั่วโลกเป็นสิ่งที่เราทุกคนต่างก็ยอมรับมันด้วยดี
แต่สำหรับที่นี่ยังมีความเชื่อว่าเงินมันเติบโตขึ้นบนต้นไม้ได้ด้วย ?

ดูเหมือนจะเป็นความเชื่อที่แปลกๆ จนทำให้ในป่าลึกของประเทศแห่งนี้กลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยว ที่มีจุดเด่นอยู่ที่ต้นไม้ประหลาด เป็นความเชื่อของชาวบ้านว่าเงินสามารถเติบโตบนต้นไม้มาตั้งแต่ในปี ค.ศ.1700และผู้คนต่างก็พากันยัดเหรียญลงไปตามส่วนต่างๆ ของลำต้นมันเผื่อว่ามันจะนำมาซึ่งโชคและโอกาสดีๆ เข้ามาในชีวิตของพวกเขาในปัจจุบันเราจะได้พบกับต้นไม้ที่เต็มไปด้วยเหรียญเก่าแก่มากมาย เรียงรายราวกับเป็นเกล็ดของลำต้น


เราสามารถพบต้นไม้ประหลาดเหล่านี้ได้ในประเทศสกอตแลนด์และส่วนของสหราชอาณาจักร ในส่วนของเขตแดน Peak ไปจนถึงScottishHighlandsเหรียญทั้งหลายที่ถูกยัดเข้าไปเติบโตไปพร้อมกับต้นไม้ที่ห่อหุ้มพวกมันเข้าไว้ด้วยกันทุกวัน ไม่นานเหรียญจำนวนมากก็กลายเป็นเกราะเหล็กที่ช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้กับต้นไม้อีกด้วยบางส่วนของต้นไม้ที่ตายแล้ว

ยังเหลือตอที่มีเหรียญปกคลุมอยู่ ชาวบ้านในแถบนี้ยังให้ความเคารพและเชื่อว่าเป็นที่สิงห์สถิตของเทพเจ้าและสิ่งลึกลับที่พวกเขาไม่สามารถมองเห็นได้เมื่อเหรียญของพวกเขาเป็นส่วนหนึ่งของลำต้น เชื่อว่าเทพเจ้าจะคอยปกปักคุ้มครองให้ตนเองมีสุขภาพที่ดีห่างไกลจากโรคภัยไข้เจ็บการนำเอาเหรียญเหล่านี้แทรกลงไปตามลำต้น จะทำกันในช่วงวันสำคัญไม่ว่าจะเป็นวันคริสมาสต์ วันที่มีการจัดพิธีกรรมศักดิ์สิทธิ์ไปจนถึงวันสำคัญทางศาสนาอื่นๆเสน่ห์ของต้นไม้และเหรียญเก่าแก่เหล่านี้ยังคงอยู่เราจะพบเห็นประวัติศาสตร์ผ่านเหรียญโบราณมากมายที่บิดงอเป็นริ้วไปตามกาลเวลาพร้อมๆ กับการเติบโตของต้นไม้ราวกับเป็นสิ่งเดียวกันเหรียญที่พบส่วนใหญ่ยังมาจากหลากหลายช่วงศตวรรษ แสดงให้เห็นถึงความเชื่อที่ถูกสืบทอดมาอย่างยาวนาน

วันจันทร์ที่ 7 กันยายน พ.ศ. 2558

ต้นไม้มงคล 15 ชนิด ที่คนนิยมปลูกกันในบ้าน

ต้นไม้มงคล 15 ชนิด ที่คนนิยมปลูกกันในบ้านมาบอกให้ทราบกัน เผื่อจะได้เป็นไอเดียดี ๆ สำหรับตกแต่งสวนในบ้านยังไงล่ะ

ต้นมะยม
          ฟังแค่ชื่อ "มะยม" ก็พอเดาได้ใช่ไหมล่ะว่า ทำไมคนถึงนิยมปลูกต้นมะยมไว้ที่บ้านกัน ก็เพราะเขาเชื่อกันว่า การปลูกต้นมะยมจะทำให้คนนิยมชมชอบ รักใคร่ มีชื่อเสียง ไม่มีคนคิดร้าย หรือเป็นศัตรูนั่นเอง ส่วนอีกความเชื่อหนึ่งก็บอกว่า หากปลูกต้นมะยมไว้ทางทิศตะวันตก จะช่วยป้องกันภูตผีปีศาจได้

ต้นมะม่วง
          นอกจากจะให้ร่มเงา และผลแสนอร่อยแล้ว มะม่วงยังเป็นต้นไม้มงคลที่มีความเชื่อมาตั้งแต่พุทธกาลว่า หากปลูกต้นมะม่วงไว้ทางทิศใต้ของบ้านแล้ว จะทำให้ผู้อยู่อาศัยในบ้านร่ำรวยยิ่งขึ้น ยิ่งขึ้น และยังช่วยป้องกันไม่ให้คนอื่นมารังแก รังควาน หรือใส่ความได้ด้วย

 ต้นขนุน
          อีกหนึ่งต้นไม้ชื่อมงคลที่คนนิยมปลูกเช่นกัน เพราะตามความเชื่อของคนโบราณ บอกกันว่า การปลูกต้นขนุนจะทำให้ผู้อยู่อาศัยได้รับการสนับสนุน มีคนคอยอุปการะอุดหนุนจุนเจือ คอยให้ความช่วยเหลือ มีคนสรรเสริญ สามารถป้องกันอันตรายและคนใส่ร้ายป้ายสีได้ ซึ่งหากบ้านไหนคิดจะปลูกต้นขนุนแล้วล่ะก็ ควรเลือกปลูกทางทิศตะวันตกเฉียงใต้จะดีที่สุด โดยให้หัวหน้าครอบครัวเป็นคนลงมือปลูกในวันจันทร์ หรือวันพฤหัสบดี

ต้นมะขาม
          หากบ้านไหนต้องการให้ผู้อื่นเกรงขาม ตามความเชื่อเขาแนะนำให้ปลูกต้นมะขามไว้ทางทิศตะวันตก เพราะเชื่อกันว่า ต้นมะขามจะทำให้ผู้อยู่อาศัยเป็นที่น่าเกรงขามต่อผู้อื่น และทำให้คนชื่นชอบ นอกจากนี้ ยังช่วยป้องกันคดีความ ภูตผีปีศาจ และผีซ้ำด้ำพลอย

ต้นราชพฤกษ์ หรือ ต้นคูน
          ต้นไม้ประจำชาติไทยที่ออกดอกสีเหลืองทองสวยอร่ามนี้ คนไทยสมัยโบราณเชื่อกันว่า หากนำมาปลูกไว้ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของบ้าน จะช่วยให้ผู้ที่อยู่อาศัยในบ้านมีความเจริญรุ่งเรืองเป็นทวีคูณ นอกจากนี้ จะช่วยให้คนในบ้านมีเกียรติ มีศักดิ์ศรี ด้วย เพราะต้นราชพฤกษ์เป็นต้นไม้ประจำชาติไทย ส่วนใบของราชพฤกษ์ก็มักถูกนำไปใช้ทำพิธีสะเดาะเคราะห์ คนจึงเชื่อว่า ราชพฤกษ์เป็นต้นไม้ที่มีความศักดิ์สิทธิ์มากทีเดียว

ต้นกล้วย
          ต้นไม้ที่ปลูกง่ายอย่างต้นกล้วยนี้ ก็เป็นต้นไม้ที่คนไทยสมัยก่อนนิยมปลูกไว้ในบ้านกันมาก เพราะนอกจากจะสามารถนำส่วนต่าง ๆ ของต้นกล้วย ทั้งหัวปลี ลำต้น ผล ใบ ฯลฯ มาทำประโยชน์ได้มากมายแล้ว เขายังมีความเชื่อด้วยว่า การปลูกต้นกล้วยไว้ทางทิศตะวันออกของบ้านจะช่วยให้การทำงานราบรื่น คิดสิ่งใดทำสิ่งใดก็ง่ายเหมือนปอกกล้วยเข้าปากนั่นไง

ต้นไผ่
          ตามตำราฮวงจุ้ยของจีนบอกไว้ว่า ต้นไผ่เป็นสัญลักษณ์ของความสง่าเหนือธรรมชาติ หากปลูกไว้ในบ้านจะเสริมมงคลให้ผู้อยู่อาศัย ทำให้เป็นคนมุ่งมั่น ตั้งใจจริง มีสติปัญญา เอื้ออารี และกตัญญูรู้คุณ ซึ่งก็ไม่ต่างจากคนไทยที่เชื่อกันว่า หากปลูกต้นไผ่ไว้ในบริเวณบ้าน จะทำให้สมาชิกในบ้านตั้งใจทำงาน ประกอบอาชีพด้วยความซื่อสัตย์ มีคุณธรรม ไม่คดโกงเอารัดเอาเปรียบใคร นั่นก็เป็นเพราะลักษณะของต้นไผ่ที่มีลำต้นเหยียดตรง แข็งแรง สามารถต้านทานแรงลมพายุได้นั่นเอง
          หากจะปลูกต้นไผ่ ควรปลูกไว้ริมรั้วของบ้าน หรือบริเวณที่โล่งกว้าง ให้ต้นไผ่ได้แตกหน่อเจริญงอกงาม และควรปลูกไว้ทางทิศตะวันออก เพื่อให้ต้นไผ่ได้รับแสงแดดยามเช้า นอกจากนี้ ยังควรปลูกต้นไผ่ในวันเสาร์จึงจะเป็นมงคล อ้อ...ลืมบอกไปว่า ต้นไผ่มีหลากหลายชนิด ทั้งไผ่เหลืองทอง ไผ่สีสุก ไผ่เตี้ย ไผ่น้ำเต้า แต่คนโบราณเชื่อกันว่า ถ้าปลูกไผ่สีสุกจะช่วยให้สมาชิกในบ้านประสบความสำเร็จ ร่ำรวยเงินทอง และมีความสุขกันถ้วนหน้า เพราะชื่อไผ่สีสุกไปคล้องกับคำอวยพรที่ว่า "มั่งมีศรีสุข" นั่นเอง

ต้นวาสนา หรือ วาสนาอธิษฐาน
          เห็นหลาย ๆ บ้านนิยมปลูกต้นวาสนากัน เพราะชื่อเป็นมงคล จึงทำให้คนเชื่อกันว่า หากบ้านใดปลูกต้นวาสนาจะทำให้มีความสุข ความสมหวังในชีวิต และเป็นต้นไม้แห่งโชคลาภด้วย และการเสี่ยงทายด้วย โดยหลายคนเชื่อกันว่า หากต้นวาสนาบ้านไหนออกดอกสวยงาม จะทำให้มีโชคลาภ ปรารถนาสิ่งใดก็จะสมดังใจมุ่งหมาย

          แล้วถ้าคิดจะปลูกต้นวาสนาล่ะก็ ตามตำราเขาแนะนำให้ปลูกทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ และเนื่องจากต้นวาสนาเป็นต้นไม้ที่ให้ประโยชน์ทางใบ จึงควรปลูกในวันอังคาร โดยให้ผู้หญิงเป็นผู้ปลูกจะดีที่สุด เพราะชื่อวาสนาอธิษฐานเป็นชื่อที่เหมาะกับสุภาพสตรี


 ต้นแก้ว
          ไม้ยืนต้นขนาดไม่ใหญ่ที่มีดอกสีขาวส่งกลิ่นหอมรัญจวนใจนี้ คนไทยนิยมปลูกไว้ริมรั้วบ้าน หรือปลูกลงในกระถางเพื่อประดับภายนอกอาคารก็ได้ โดยคำว่า "แก้ว" หมายถึงสิ่งของมีค่าที่คนนับถือบูชา เปรียบได้กับของมีค่าสูงดั่งดวงแก้ว ทำให้เกิดความเชื่อที่ว่า หากปลูกต้นแก้วไว้ประจำบ้าน จะทำให้สมาชิกในบ้านเป็นคนที่มีจิตใจบริสุทธิ์เหมือนแก้ว มีความเบิกบานใจ
เพื่อความเป็นสิริมงคล โบราณแนะนำให้ปลูกต้นแก้วไว้ทางทิศตะวันออก และให้ปลูกในวันพุธ ตามความเชื่อที่ว่า การปลูกไม้ที่เอาประโยชน์ทางดอกควรปลูกในวันพุธแล้วจะเป็นมงคล

ต้นเข็ม
          ทุกคนคงรู้กันอยู่แล้วว่า ดอกเข็ม ที่ใช้ในการประกอบพิธีไหว้ครู เป็นสัญลักษณ์แทนความฉลาดหลักแหลมเปรียบกับเข็มที่แหลมคม เช่นเดียวกับการปลูกต้นเข็มไว้ในบ้านที่คนโบราณเขาก็เชื่อว่า จะทำให้สมาชิกในบ้านมีความฉลาดหลักแหลมเหมือนกับดอกเข็ม และยังช่วยให้มีปฏิภาณไหวพริบเอาตัวรอดได้ด้วย หรือหากบ้านใดมีเด็กที่กำลังอยู่ในวัยศึกษาเล่าเรียน ดอกเข็มก็กระตุ้นให้เด็ก ๆ สนใจใฝ่หาความรู้มาเติมเต็มให้ตัวเองอยู่เสมอ

          หากต้องการจะปลูกต้นเข็ม โบราณแนะนำให้หาคนที่ให้ความสำคัญกับการศึกษาเล่าเรียนเป็นผู้ลงมือปลูก โดยเลือกปลูกทางทิศตะวันออก และปลูกในวันพุธ จะช่วยเสริมสิริมงคลให้แก่คนในบ้าน

ต้นกระดังงา
          หากต้องการให้วงศ์ตระกูลมีชื่อเสียงโด่งดัง ต้นกระดังงา ก็คือต้นไม้มงคลตามความเชื่อของคนโบราณที่ปรารถนาให้ลูกหลานมีชื่อเสียงก้องกังวานไปไกล มีลาภยศสรรเสริญ มีเงินทอง ผู้คนทั่วไปนับหน้าถือตา เพราะชื่อ "กระดังงา" เป็นชื่อที่มีความหมายที่ดี และคนก็เชื่อกันว่า เสียงที่ดังนั้นไพเราะเพราะพริ้งดังก้องไปถึงสรวงสวรรค์เลยล่ะ

          นอกจากเรื่องชื่อเสียงโด่งดังแล้ว คนไทยยังเชื่อกันว่า กระดังงาเป็นต้นไม้ที่ช่วยเสริมเสน่ห์ให้สมาชิกในบ้านให้เป็นที่รักใคร่ของคนทั่วไป และมีชีวิตที่หอมหวลเหมือนกับกลิ่นหอมของดอกกระดังงา บ้านไหนที่คิดจะปลูกกระดังงาควรปลูกในวันพุธ ไว้ทางทิศตะวันออกของตัวบ้าน เพื่อให้แสงอาทิตย์สาดส่อง จะช่วยให้ชื่อเสียงขจรขจายไปทั่ว เพิ่มความเป็นสิริมงคลแก่ตัวบ้าน และครอบครัวที่อาศัยอยู่ในบ้าน

ต้นโป๊ยเซียน
          ต้นไม้แห่งโชคลาภที่คนไทยนิยมปลูกกันมากอีกชนิด เพราะเชื่อว่าจะทำลาภผลมาให้ และจะทำให้ครอบครัวสงบสุข ขณะเดียวกัน บางคนยังเชื่อว่า โป๊ยเซียน เป็นต้นไม้เสี่ยงทาย หากบ้านไหนปลูกต้นโป๊ยเซียนออกดอกได้ 8 ดอก ก็จะมีโชคลาภ เงินทอง ได้เลื่อนยศเลื่อนตำแหน่ง เพราะโป๊ยเซียนเป็นตัวแทนของเทพเจ้า 8 องค์ ที่จะนำความเจริญรุ่งเรือง และช่วยปกป้องคุ้มครองผู้ที่เป็นเจ้าของ

          ทั้งนี้ ตามเคล็ดปฏิบัติการปลูกต้นโป๊ยเซียน ควรจะให้ผู้ที่มีอายุ หรือญาติผู้ใหญ่ที่น่าเคารพนับถือมาลงมือปลูกให้ ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ซึ่งเป็นทิศมงคลของต้นโป๊ยเซียน จะยิ่งเสริมความเป็นสิริมงคลให้ผู้อยู่อาศัย และควรปลูกในวันพุธ เพื่อให้ดอกที่ออกงดงามตามความเชื่อคนโบราณนั่นเอง ที่สำคัญควรเลือกดอกสีเหลือง หรือสีส้ม จะเป็นมงคลที่สุด


ต้นโกสน
          ไม้พุ่มหลากสีชนิดนี้ นิยมเป็นปลูกกันมาตั้งแต่สมัยโบราณ โดยเฉพาะภายในพระราชวัง และวัด เพื่อหวังให้เกิดความร่มเย็นเป็นสุข หากนำมาปลูกในบ้าน ก็จะทำให้ครอบครัวมีแต่ความสงบสุข ปราศจากความขัดแย้งใด ๆ นั่นเพราะคนสมัยก่อนเชื่อกันว่า คำว่า "โกสน" มีเสียงใกล้เคียงกับคำว่า "กุศล" ซึ่งหมายถึงการสร้างบุญ สร้างสิ่งที่ดีงามเป็นบุญเป็นกุศลนั่นเอง

          ทั้งนี้ เพื่อให้เกิดความเป็นสิริมงคล คนโบราณก็ยังแนะนำให้ปลูกต้นโกสนในวันอังคาร และปลูกไว้ทางทิศตะวันออกของบ้านเพื่อรับแสงแดดยามเช้า จะทำให้เห็นสีสันของใบที่สวยสด ดึงดูดสายตาของผู้ที่พบเห็น

ต้นโมก
          มีความเชื่อบอกต่อ ๆ กันมาว่า การปลูกต้นโมก หรือ โมกข ที่หมายถึงผู้ที่หลุดพ้นด้วยทุกข์ทั้งปวง จะนำเอาความสุขกายสบายใจ ความปลอดภัยมาให้สมาชิกในบ้าน เพราะดอกโมกมีสีขาวบริสุทธิ์สะอาด ส่งกลิ่นหอมทั้งวัน บางคนอาจจะเรียกต้นโมกว่า พุดพิชญา หรือ พุทธรักษา เพราะเชื่อว่าจะต้นโมกสามารถปกป้องคุ้มครองสิ่งชั่วร้ายให้สมาชิกในบ้านได้

          เคล็ดลับสำหรับการปลูกต้นโมกก็คือ ให้ปลูกในวันเสาร์ เพราะเป็นต้นไม้ที่ปลูกเพื่อเอาคุณตามความเชื่อของคนโบราณ จะช่วยให้ต้นโมกเจริญงอกงามได้ดี และปกป้องคุ้มครองคนในบ้านได้ ซึ่งทิศที่เหมาะสมที่สุดในการปลูกต้นโมกก็คือ ทิศตะวันตกเฉียงเหนือ

 ต้นบานไม่รู้โรย
          เขาว่ากันว่าบ้านไหนมีคู่รักต้องปลูกต้นบานไม่รู้โรยไว้ในบ้านด้วย เพราะชื่อบานไม่รู้โรยเป็นชื่อมงคล หมายความถึง ความยั่งยืน ความอดทน และไม่ย่อท้อ หากเปรียบกับความรักก็เหมือนความรักที่ยั่งยืน ช่วยให้คู่รักมีความผูกพันมั่นคงต่อกันไปนาน ๆ ปราศจากความโรยรา หรือผันแปรตลอดไปนั่นเอง ฟังแล้วน่าปลูกไว้จริง ๆ ^^

          และนี่ก็เป็นตัวอย่างต้นไม้มงคลที่ควรปลูกในบ้าน 15 ชนิด ที่คนโบราณเชื่อกันว่า จะช่วยเสริมพลังด้านต่าง ๆ ให้ผู้อยู่อาศัยภายในบ้าน แต่อย่างไรก็ตาม นี่ก็เป็นเพียงแค่ความเชื่อที่บอกเล่า และรับรู้สืบทอดต่อกันมาเท่านั้นนะคะ เพราะจริง ๆ แล้ว หากปรารถนาจะให้ครอบครัวมีแต่ความสุขความเจริญ ก็ต้องเป็นหน้าที่ของสมาชิกทุกคนในบ้านที่จะช่วยกันสร้างสิ่งดี ๆ ที่เป็นมงคลให้เกิดขึ้นด้วยตัวเอง

ตะขบไทย


ตะขบไทย
ตะขบไทย ชื่อสามัญ Coffee plum, Indian cherry, Indian plum, East Indian plum, Rukam, Runeala plum
ตะขบไทย ชื่อวิทยาศาสตร์ Flacourtia jangomas (Lour.) Raeusch. (ชื่อพ้องวิทยาศาสตร์ Flacourtia cataphracta Roxb. ex Willd.)
ปัจจุบันจัดอยู่ในวงศ์สนุ่น (SALICACEAE)
สมุนไพรตะขบไทย มีชื่อท้องถิ่นอื่น ๆ ว่า ครบ (ปัตตานี), มะเกว๋นควาย (ภาคเหนือ), ตะขบควาย (ภาคกลาง), กือคุ (มลายู ปัตตานี) เป็นต้น

ลักษณะของตะขบไทย
ต้นตะขบไทย จัดเป็นพรรณไม้ยืนต้นผลัดใบขนาดเล็กถึงขนาดกลาง แตกกิ่งก้านสาขาที่เรือนยอดของต้น เรือนยอดเป็นรูปไข่ทึบ โคนต้นเป็นพูพอน เปลือกต้นเป็นสีน้ำตาลอ่อนอ่อน แตกลอนเป็นแผ่นบาง ๆ ขยายพันธุ์ด้วยวิธีการเพาะเมล็ด พบขึ้นได้ตามป่าราบ ป่าโปร่ง ป่าดิบแล้ง และตามป่าผลัดใบ ที่ความสูงจากระดับน้ำทะเลประมาณ 300-800 เมตร

ใบตะขบไทย ใบเป็นใบเดี่ยว ออกเรียงเวียนสลับ ลักษณะของใบกลมคล้ายกับใบพุทรา โดยมีลักษณะเป็นรูปรี รูปไข่แกมรูปขอบขนาน หรือรูปหอกกลับ ปลายใบเรียวแหลม โคนใบมนหรือสอบ ส่วนขอบใบจักตื้น ใบมีขนาดกว้างประมาณ 3.5-5 เซนติเมตร และยาวประมาณ 8-13 เซนติเมตร แผ่นใบบางเป็นสีเขียว ผิวใบด้านบนเป็นสีเขียวเป็นมัน
ดอกตะขบไทย ดอกเป็นสีขาวอมเหลืองและมีกลิ่นหอม ออกดอกเป็นช่อแบบช่อกระจะสั้นตามซอกใบ ดอกเป็นแบบแยกเพศ อยู่ต่างต้นกัน ดอกเพศผู้มีกลีบดอก 5 กลีบ และมีกลีบเลี้ยง 5 กลีบ สีเขียว มีขนทั้งสองด้าน มีเกสรเพศผู้จำนวนมาก ส่วนดอกเพศเมียจะคล้ายกับดอกเพศผู้ มีรังไข่เป็นรูปคนโท เกสรเพศเมียมี 2  ออกดอกในช่วงประมารเดือนกุมภาพันธ์

ผลตะขบไทย ผลเป็นผลสดแบบมีเนื้อ ลักษณะของผลเป็นลูกกลม ๆ ขนาดเท่าลูกพุทรา ขนาดประมาณ 1.5-2.5 เซนติเมตร ผลเมื่อสุกเป็นสีแดงหรือสีม่วง เมื่อแก่เป็นสีดำ ผลมีรสหวานฝาดเล็กน้อย ภายในมีเมล็ดหายเมล็ด ติดผลในช่วงประมาณเดือนเมษายน
สรรพคุณของตะขบไทย
รากมีรสฝาดเล็กน้อย ใช้ปรุงเป็นยาขับเหงื่อ (ราก)
รากมีสรรพคุณเป็นยากล่อมเสมหะและอาจม (ราก)
เนื้อไม้มีรสฝาด ใช้ทำเป็นยาแก้ท้องร่วง แก้บิด มูกเลือด (เนื้อไม้)
เปลือก แก่น และใบ ใช้เป็นยารักษาอาการปวดเมื่อยตามตัว แก้โรคเหน็บชา รักษาอาการปวดข้อ
แก้เส้นเอ็นพิการ (เปลือก,แก่น,ใบ)

ประโยชน์ของตะขบไทย
ผลสุกมีรสฝาดหวาน ใช้รับประทานได้
ตะขบไทยเป็นไม้ชนิดหนึ่งที่สามารถนำใบมาใช้ในการย้อมสีได้ โดยใช้อัตราส่วนของใบสดต่อน้ำ 1:2 เมื่อนำไปสกัดใช้ใบสด 15 กรัม ย้อมเส้นไหมได้ 1 กิโลกรัม สีเส้นไหมที่ได้จะขึ้นอยู่กับวิธีการสกัดสีและการใช้สารช่วยติดสีชนิดต่าง ๆ ซึ่งการสกัดสีโดยใช้ใบสดนะมาต้มกับน้ำนาน 1 ชั่วโมง กรองเอาแต่น้ำ นำมาย้อมเส้นไหมด้วยวิธีการย้อมร้อน 1 ชั่วโมง และแช่ในสารละลายช่วยติดสีจุนสีหลังย้อมจะได้เส้นไหมสีน้ำตาลเขียว ส่วนการใช้จุนสีขณะย้อมจะได้เส้นไหมสีน้ำตาลเขียวเช่นกัน แต่ถ้านำมาสกัดน้ำสีด้วยวิธีการคั้นเอาน้ำ กรองเอาแต่น้ำ แล้วย้อมเส้นไหมด้วยวิธีการย้อมร้อน และแช่สารละลายช่วยติดสีจุนสีหลังย้อมจะได้เส้นไหมสีเขียวขี้ม้าใช้ปลูกทั่วไป ปลูกเป็นไม้ให้ร่มเงาในสวนผลไม้หรือตามสวนป่าเพื่อเป็นอาหารของนก

รายการบล็อกของฉัน