ค้นหา

บทความที่ได้รับความนิยม

Wikipedia

ผลการค้นหา

วันอาทิตย์ที่ 20 มิถุนายน พ.ศ. 2564

ต้นไม้ที่ใหญ่ที่สุดในโลก!

ค้นหา
Custom Search
ต้นไม้ที่ใหญ่ที่สุดในโลก!
พบกับเรื่องราวต้นไม้ใหญ่ที่สุดในโลก เรื่องราวที่คุณต้องทึ่งแน่นอน...
บนเนินที่ลาดเอียงเล็กน้อยในอุทยานแห่งชาติซีคัวยา ณ ความสูงราว 2,100 เมตรเหนือระดับทะเลในเทือกเขาเซียร์ราเนวาดาตอนใต้ ต้นไม้ใหญ่ยักษ์ต้นหนึ่งยืนต้นตระหง่านอยู่ ลำต้นของมันเป็นสีแดงสนิม อวบหนาด้วยชั้นเปลือกไม้เป็นร่อง และมีเส้นผ่านศูนย์กลาง 8 เมตรที่โคนต้น หากจะมองให้เห็นยอดคงไม่วายต้องแหงนหน้ามองจนปวดคอ พูดง่ายๆก็คือ ต้นไม้ต้นนี้สูงใหญ่เสียจนสายตาเราเก็บภาพได้ไม่หมดทั้งต้นยักษ์ใหญ่แห่งพงไพรเจ้าของสมญานามว่า เดอะเพรสซิเดนต์(The President) หรือ
“ท่านประธานาธิบดี” 

ต้นนี้คือ สนซีคัวยายักษ์
(Giant Sequoia)ซึ่งมีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Sequoiadendron giganteum

กระนั้น นี่ก็ยังไม่ใช่ต้นไม้ที่ใหญ่ที่สุดในโลก(ในแง่ปริมาตรเนื้อไม้) หากเป็นลำดับที่สอง การศึกษาเมื่อไม่นานมานี้ของ สตีฟ ซิลเลตต์ นักวิทยาศาสตร์จากมหาวิทยาลัยฮัมโบลต์สเตต และทีมงานยืนยันว่า เดอะเพรสซิเดนต์จัดอยู่ในอันดับสองของกลุ่มต้นไม้ขนาดใหญ่ที่เคยมีการวัดขนาด และทีมงานของซิลเลตต์ก็วัดมาแล้วพอสมควร

แม้จะไม่ยืนต้นสูงเท่าต้นเรดวูดชายฝั่งที่สูงที่สุดหรือต้นยูคาลิปตัสในออสเตรเลีย แต่ความสูงไม่ใช่คำตอบสุดท้าย สนซีคัวยายักษ์คือต้นไม้ที่ใหญ่กว่าต้นเรดวูดชายฝั่งหรือต้นยูคาลิปตัสมาก ยอดที่ตายซากเนื่องจากฟ้าผ่าสูงตระหง่านถึง 75 เมตรเหนือพื้นดิน ส่วนกิ่งก้านขนาดใหญ่ทั้งสี่ซึ่งแต่ละกิ่งใหญ่โตราวต้นไม้ต้นเขื่องยื่นหักศอกออกจากกลางลำต้นสูงจากพื้นดินขึ้นมาตั้งแต่ 35 ถึง 50 เมตร แม้ว่าลำต้นจะไม่ใหญ่โตเท่า “นายพลเชอร์แมน”
(General Sherman)
สนซีคัวยายักษ์เจ้าของสถิติต้นไม้ที่ใหญ่ที่สุดในโลก แต่เรือนยอดของเดอะเพรสซิเดนต์นั้นดกหนากว่ามาก

การที่ต้นไม้เติบโตจนสูงใหญ่และแผ่เรือนยอดกว้างนั้นเป็นการแข่งขันกับต้นไม้อื่น ทั้งทะยานขึ้นและแผ่กิ่งก้านออกไปเพื่อหาแสงอาทิตย์และน้ำ ต้นไม้ไม่เคยหยุดเติบโต และเสริมความแข็งแกร่งให้โครงสร้างด้วยการสร้างเนื้อไม้อย่างต่อเนื่อง ด้วยความจำเป็นที่ต้องแสวงหาทรัพยากรในการดำรงชีวิตจากท้องฟ้าและผืนดิน และด้วยเวลาที่เพียงพอ ต้นไม้สามารถเติบใหญ่ได้มากและยังคงเติบโตต่อไป การที่สนซีคัวยายักษ์มีขนาดมหึมาได้ถึงเพียงนี้ก็เพราะพวกมันมีอายุเก่าแก่มากนั่นเอง

สนเหล่านี้มีอายุมากก็เพราะพวกมันเอาตัวรอดจากภัยคุกคามทั้งปวงที่อาจทำให้ล้มตายมาได้ พวกมันแข็งแกร่งเกินกว่ากระแสลมจะพัดจนหักโค่น ส่วนแก่นและเปลือกไม้ก็อุดมไปด้วยน้ำฝาด (tannic acid) และสารเคมีอื่นๆ ที่ช่วยป้องกันการเน่าเปื่อยจากเชื้อรา แมลงปีกแข็งที่ชอบเจาะและกัดกินเนื้อไม้ยังไม่ระคายผิว อีกทั้งเปลือกไม้หนาๆ ยังทนไฟอีกด้วย อันที่จริง ไฟพื้นดิน (ground fire) กลับเป็นประโยชน์สำหรับประชากรสนซีคัวยาเสียด้วยซ้ำ เพราะช่วยกำจัดคู่แข่ง ทำให้ลูกสนแตกตัว เปิดโอกาสให้ต้นกล้าซีคัวยาได้เติบโตท่ามกลางแสงอาทิตย์ และเถ้าถ่านที่อุดมด้วยสารอาหาร ฟ้าผ่าอาจทำร้ายต้นไม้เต็มวัยบ้าง แต่โดยมากก็ไม่ถึงกับทำให้หักโค่นล้มตาย ดังนั้นพวกมันจึงแก่ตัวขึ้นและเติบใหญ่
ข้ามสหัสวรรษ


ปัจจัยอีกประการหนึ่งที่สามารถจบชีวิตของไม้ใหญ่ได้อย่างไม่ต้องสงสัยคือการทำไม้ สนซีคัวยายักษ์จำนวนมากต้องสังเวยให้กับคมขวานในช่วงปลายศตวรรษที่สิบเก้าและต้นศตวรรษที่ยี่สิบ แต่เนื้อไม้ของยักษ์แก่เหล่านี้เปราะหักง่ายเสียจนไม่มีมูลค่านักในฐานะไม้ซุง จึงมักนำไปใช้เป็นแผ่นไม้มุงหลังคา รั้วไม้ปลูกองุ่น และชิ้นงานจากเศษไม้ อุทยานแห่งชาติซีคัวยา (Sequoia National Park) ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 1890 และในไม่ช้าความนิยมในหมู่นักท่องเที่ยวที่มาเยี่ยมชมก็แสดงให้เห็นว่า สนซีคัวยายักษ์ที่ยืนต้นตระหง่านมีค่ามากกว่ามากนัก
ในบรรดาการค้นพบอันน่าทึ่งหลายประการของทีมงานซิลเลตต์เรื่องหนึ่งคืออัตราการเจริญเติบโตของต้นไม้ใหญ่ซึ่งไม่ใช่แค่ความสูงและปริมาตร สามารถเพิ่มขึ้นได้แม้จะมีอายุมาก อันที่จริงยักษ์ใหญ่วัยชราอย่างเดอะเพรสซิเดนต์สร้างเนื้อไม้ใหม่ในแต่ละปีได้มากกว่าต้นไม้รุ่นเยาว์ที่แข็งแกร่งกว่าเสียอีก โดยสร้างเนื้อไม้รอบลำต้นให้มีขนาดใหญ่ขึ้นและพอกพูนกิ่งก้านให้อวบใหญ่ขึ้น


การค้นพบนี้แย้งกับสมมุติฐานทางนิเวศวิทยาป่าไม้ที่เชื่อกันมานานว่า เมื่อต้นไม้อายุมากขึ้น การสร้างเนื้อไม้จะลดลง สมมุติฐานดังกล่าวซึ่งมีส่วนในการตัดสินใจเชิงบริหารที่สนับสนุนการปลูกไม้โตเร็วและการทำไม้วงจรสั้นมาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน อาจเหมาะหรือสอดคล้องกับต้นไม้บางประเภทในบางพื้นที่ แต่ไม่ใช่สำหรับสนซีคัวยายักษ์ ซิลเลตต์และทีมงานหักล้างสมมุติฐานนี้ด้วยการทำในสิ่งที่นักนิเวศวิทยาป่าไม้รุ่นก่อนๆ ไม่ทำกัน คือการปีนขึ้นต้นไม้ใหญ่ตั้งแต่โคนต้นจรดปลายยอด และวัดขนาดโดยละเอียดทุกตารางนิ้ว

ทีมงานของซิลเลตต์ขึงเชือกเหนือยอดของเดอะเพรสซิเดนต์ และตอกหมุดโยงเชือกตามจุดที่กำหนด สวมสายรัดโรยตัวและหมวกนิรภัย ก่อนจะปีนขึ้นไป พวกเขาวัดขนาดลำต้นที่ระดับความสูงต่างกัน ทั้งยังวัดขนาดกิ่ง ก้าน และปุ่มไม้ ตลอดจน นับจำนวนลูกสน เก็บตัวอย่างเนื้อไม้ด้วยเครื่องเจาะปลอดเชื้อ

จากนั้นจึงป้อนตัวเลขที่ได้ผ่านแบบจำลองทางคณิตศาสตร์ร่วมกับข้อมูลเสริมจากสนซีคัวยายักษ์ต้นอื่นๆ กระบวนการทั้งหมด ทำให้พวกเขาทราบว่า เดอะเพรสซิเดนต์มีปริมาตรเนื้อไม้และเปลือกไม้รวมกันอย่างน้อย 1,530 ลูกบาศก์เมตร และยังทำให้ตรวจพบด้วยว่ายักษ์ชราอายุร่วม 3,200 ปีต้นนี้ยังคงเติบโตอย่างรวดเร็ว ทั้งยังดูดซับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เฮือกใหญ่และกักเก็บคาร์บอนไว้ในเซลลูโลส เฮมิเซลลูโลส และลิกนิน ในช่วงฤดูเติบโตที่สะดุดลงในช่วงหกเดือน อันหนาวเหน็บและหิมะตก นับว่าไม่เลวทีเดียวสำหรับต้นไม้ในวัยสนธยาเช่นนี้

ซิลเลตต์บอกผมว่า นั่นเป็นสิ่งที่น่าทึ่งมาก “ครึ่งปีเชียวนะครับที่พวกมันไม่มีการเจริญเติบโตเหนือพื้นดิน [ไม่รวมถึงระบบราก] แต่จมอยู่ในกองหิมะ”

ดังนั้นจึงเป็นโอกาสอันดีที่ไมเคิล (นิค) นิโคลส์ จะเก็บภาพของเดอะเพรสซิเดนต์ท่ามกลางหิมะ นิคและจิม เคมป์เบลล์ สปิกเคลอร์ นักปีนเขาและนักตอกหมุดชั้นเซียน คิดแผนงานร่วมกัน ทีมงานเดินทางมาถึงที่นี่ตอนกลางเดือนกุมภาพันธ์ ในช่วงที่กองหิมะข้างถนนสูงถึง 3.5 เมตร พวกเขาโยงเชือกเข้ากับหมุดบนเดอะเพรสซิเดนต์และต้นไม้สูงอีกต้นที่อยู่ติดกัน เพื่อให้ทีมงานปีนขึ้นไปและชักรอกกล้อง พวกเขาเฝ้ารอตั้งแต่ช่วงที่ท้องฟ้าสดใส หิมะเริ่มละลาย และหมอกโรยตัวปกคลุม จนกระทั่งสภาพอากาศเปลี่ยน และหิมะตกอีกครั้ง แล้วจังหวะเวลาที่เหมาะสมก็มาถึง พวกเขาจึงได้ภาพที่ต้องการ
แต่ก่อนที่เชือกเส้นสุดท้ายจะถูกปลดลง นิคซึ่งคอยควบคุมงานอยู่บนพื้นดินนานกว่าสองสัปดาห์ ต้องการปีนขึ้นไปด้วยตนเอง เขาอธิบายว่าไม่ใช่เพื่อถ่ายภาพ “แค่ไปบอกลาน่ะครับ” เขาจัดแจงสวมสายรัดโรยตัวและหมวกนิรภัย เกี่ยวตัวเองเข้ากับเชือก แล้วไต่ขึ้นไป

บ่ายวันรุ่งขึ้น เมื่อนิคและคนอื่นๆ กลับไปแล้ว ผมสวมรองเท้าหิมะเดินทอดน่องกลับไปหาเดอะเพรสซิเดนต์โดยลำพัง มีอะไรให้ผมซึมซับมากมายเหลือเกิน และผมอยากกลับไปดูอีกสักครั้ง ผมตะลึงกับต้นไม้เบื้องหน้าอยู่ครู่ใหญ่ ภาพที่เห็นช่างอัศจรรย์เหลือเกิน เจ้ายักษ์ปักหลั่นยืนสงบนิ่งไม่ไหวติงในสายลมยืนหยัดมั่นคงเกินกว่าจะโอนเอน ผมครุ่นคิดถึงเรื่องราวที่ผ่านมาของมัน ใคร่ครวญถึงความทรหดทนทายาดของมัน
วันนี้อากาศค่อนข้างอบอุ่น และขณะที่ผมยืนอยู่ตรงนี้ เดอะเพรสซิเดนต์ก็สลัดก้อนหิมะที่กำลังละลายจากกิ่งเบื้องบนลงมา หิมะแตกกระจายร่วงพรู เกล็ดและผลึกน้ำแข็งชิ้นเล็กชิ้นน้อยต้องแสงแดดเป็นประกายขณะร่วงหล่นลงใส่ผม

Bristlecone pine ต้นไม้ที่อายุยืนที่สุดในโลก

ค้นหา
Custom Search
ต้นสนสายพันธุ์ Great Basin Bristlecone Pine นั้นเป็นพืชที่มีอายุยืนยาวมากในบรรดาตระกูลสนและพืชตระกูลอื่นๆ จนมันได้รับฉายาว่าเป็นต้นไม้ที่มีอายุมากที่สุดในโลก โดยต้นสนเหล่านี้จะขึ้นในหลายพื้นที่ในแถบตะวันตกเฉียงใต้ของสหรัฐอเมริกา เช่นในแถบเทือกเขา Wheeler Peak 
ทางทิศตะวันออกของรัฐเนวาดา ที่เป็นสถานที่ที่คนรู้จักกันดีว่าเป็นแหล่งที่มีต้นสนอายุมากกว่า 3,000 ปีจำนวนมาก และเป็นที่ตั้งของต้นสน สายพันธุ์ Great Basin Bristlecone Pine ที่มีชื่อเรียกว่า ‘Prometheus’ ที่ถูกโค่นด้วยความไม่ตั้งใจก่อนจะพบว่ามันมีอายุมากกว่า 4,000 ปี

และยังมีการค้นพบสนอีกต้น ที่มีชื่อเรียกว่า ‘Methuselah’ มีอายุประมาณ 4,850 ปี อยู่บนเทือกเขา White Mountains ในรัฐแคลิฟอร์เนียและถูกคาดว่าเป็นต้นไม้ที่มีอายุมากที่สุดในโลกในเวลานั้นแต่สถิติก็ได้ถูกทำลายลงเมื่อมีการค้นพบต้นสนสายพันธุ์เดียวกันบนเทือกเขาร็อกกี้ในปี 2012 ที่มีชื่อว่า ‘Bristlecone pine’ 

โดยสนต้นนี้มีอายุกว่า 5,060 ปี จึงทำให้มันกลายเป็นต้นไม้ที่มีอายุยืนที่สุดในโลกมาจนถึงทุกวันนี้
Bristlecone เป็นต้นสนที่มีขนาดเล็กถึงขนาดกลางมีความสูงตั้งแต่ประมาณ 5 ถึง 16 เมตร เปลือกของมันมักจะเป็นสีส้มเหลืองหรือน้ำตาลอ่อนในขณะที่สนภูเขาชนิดอื่นมัก
จะมีสีน้ำตาลเทา มีถิ่นกำเนิดอยู่ในเทือกเขาร็อกกี้และทางใต้ของแถบตะวันตกเฉียงใต้ในสหรัฐอเมริกา ที่ระดับความสูงกว่า 1,700 เมตร หรือ 5,500 ฟุต
ต้นสนสายพันธุ์ Great Basin Bristlecone Pine 

Artichoke มหัศจรรย์พืชโบราณ

Artichoke มหัศจรรย์พืชโบราณ
ค้นหา
Custom Search
อาร์ทิโชก (Artichoke) เป็นพืชเมืองหนาว มีถิ่นกำเนิดในยุโรปเขตเมดิเตอร์เรเนียน 

มีสรรพคุณทางยา สามารถบริโภคสดหรือปรุงเป็นอาหาร ซึ่งเป็นเมนูสำคัญของงานเลี้ยงทางยุโรป มันปรากฏอยู่ในบันทึกอาหารของชาวกรีกโบราณและจักรวรรดิโรมัน
โดยทั่วไปแล้วจะนิยมนำดอกมาปรุงเป็นอาหาร มันมีสารที่ช่วยในการกำจัดสารพิษ ปกป้องตับ ถุงน้ำดี และมีสารต้านสารอนุมูลอิสระอยู่เป็นจำนวนมาก

ลักษณะทรงต้นและใบจะมีขนาดใหญ่โตเต็มที่จะมีขนาด 1.80 เมตร ใบหยักเป็นแฉกลึกสีเขียวอมเทาหรือขาวอมเทา ดอกประกอบไปด้วยกลุ่มของกลีบดอกจำนวนมากเรียงซ้อนกันเป็นชั้น ๆ 
บนก้านดอกลักษณะของดอกทรงแตกต่างกันไปตามลักษณะสายพันธุ์ ออกดอกในช่วงเดือนเมษายน-พฤษภาคม
(Artichoke)

รายการบล็อกของฉัน