ค้นหา

บทความที่ได้รับความนิยม

Wikipedia

ผลการค้นหา

วันเสาร์ที่ 19 ตุลาคม พ.ศ. 2562

เปิดบันทึก Yateveoพญาต้นไม้กินคนแห่งอเมริกาใต้

เปิดบันทึก ‘Yateveo’ พญาต้นไม้กินคนแห่งอเมริกาใต้ เรื่องเล่าจากนักเดินป่าเมื่อร้อยกว่าปีที่แล้ว
ไม่ใช่จะมีแต่เพียงสัตว์เท่านั้นที่มีพฤติกรรมในการหาอาหารกินด้วยการ “ล่า” ธรรมชาตินั้นยังสร้างให้พืชบางชนิดนั้นมีกลไกในการหาอาหารที่คล้ายๆ กับการล่าของสัตว์ อย่างเช่น ต้นหม้อข้าวหม้อแกงลิงที่มีการพัฒนาส่วนของลำต้นให้มีลักษณะคล้ายกับกับดักเพื่อล่อให้แมลงตกลงไปด้านในและค่อยๆ สูบเหยื่อกินอย่างช้าๆ แต่ก็มีเรื่องเล่าที่ยังเป็นปริศนาอยู่ว่ายังมีต้นไม้ไม่ได้กินเพียงแค่แมลงเท่านั้นอยู่ในป่าลึกที่มนุษย์ส่วนใหญ่ยังเข้าไปไม่ถึงอเมริกาใต้

ต้นไม้ชนิดนี้นั้นมีชื่อว่า “Yateveo” ถูกกล่าวถึงในหนังสือชื่อ Land And Sea ที่เขียนโดย J. W. Buel ถูกตีพิมพ์ในปี 1887 โดยเจ้าต้น Yateveo นี้จะขึ้นในป่าลึกแถบอเมริกาใต้ไปจนถึงอเมริกากลางและยังพบในแถบแอฟริกาอยู่ด้วย ลำต้นของ Yateveo มีลักษะเป็นเหมือนตอที่โผล่พ้นพื้นขึ้นมาประมาณ 20-30 ซม. ความกว้างมีตั้งแต่ 50 ซม. ไปจนถึง 2 เมตร บนตอนั้นจะถูกปกคลุมไปด้วยมอสส์จนดูเหมือนเป็นพรมสีเขียว นอกจากนี้ยังมีแขนงยาวๆ ยื่นออกมาจากตอเป็นแฉกอีกเป็นจำนวนมาก ซึ่งแฉกที่ยื่นออกมานั้นมันทั้งยืดหยุ่นและทั้งเคลือบด้วยเมือกเหนียวๆ อีกทั้งยังมีหนามเล็กๆ อยู่เป็นจำนวนมาก 

วิธีการใน “ล่า” ของ Yateveo นั้น พวกมันจะซ่อนแขนงไว้ใต้พื้นและย่อลำต้นลงมาให้ติดพื้นเพื่อรอให้เหยื่อก้าวขึ้นไปเหยียบด้านบน เมื่อมีผู้โชคร้ายเผลอก้าวมาเหยียบ แขนงที่ซ่อนอยู่ใต้พื้นก็จะเด้งขึ้นมารัดตัวเหยื่อไว้ไม่ให้หนีอย่างรวดเร็ว เมือกเหนียวและหนามที่ขึ้นจะช่วยไม่ให้เหยื่อดิ้นหลุดไปได้ จากนั้นแขนงที่รัดก็จะรัดอย่างรุนแรงจนเหยื่อขาดใจตายและเลือดก็จะไหลลงไปยังตอที่ปกคลุมไปด้วยมอสส์ Yateveo นั้นจะรัดเหยื่อเพื่อรีดเลือดออกมาจนหมดตัว หลังจากนั้นก็จะโยนซากเหยื่อทิ้งไว้ใต้ลำต้นเพื่อให้ย่อยสลายกลายเป็นปุ๋ยต่อไป

เรื่องราวของ Yateveo นั้น เป็นที่รู้จักกันดีในหมู่ชนเผ่าต่างๆ บ้างก็ว่ามันคือเทพเจ้าแห่งป่า ในกลุ่มชนเผ่าแถบอเมริกาใต้นั้นพบว่ามีบันทึกการทำพิธีบูชายัญให้กับ Yatevo ด้วยการจับเชลยมัดแล้วโยนไปที่ตอ เพื่อให้เทพเจ้าได้ดื่มกินเลือดและจะบันดาลชัยชนะในการรบให้กับพวกเขา แต่ในส่วนของเหล่าคนเมืองนั้น เรื่องราวของ Yateveo นั้นยังเป็นปริศนาอยู่ว่ามันคือเรื่องจริงหรือเป็นเพียงนิทานที่เล่าต่อๆ กันมาในหมู่ชนเผ่าเพราะยังไม่เคยมีนักสำรวจคนใดเคยเห็นมันมาก่อน มีแต่คำบอกเล่าเพียงเท่านั้น

เรียบเรียง : Spok

รายการบล็อกของฉัน