ค้นหา

บทความที่ได้รับความนิยม

Wikipedia

ผลการค้นหา

วันอังคารที่ 24 สิงหาคม พ.ศ. 2564

พิศวงรยางค์พืชลึกลับแปลกตาขนาดเล็กในกลุ่ม พืชล้มลุกกินซากอาศัยเชื้อรา


พิศวงรยางค์ พืชลึกลับแปลกตาที่พบได้ที่เขาคอหงส์

ค้นหา
พิศวงเป็นพืชขนาดเล็กในกลุ่ม “พืชล้มลุกกินซากอาศัยเชื้อรา” (mycoheterotrophic herbs) โดยต้นพิศวงจะได้รับอาหารจากการย่อยสลายซากใบ้ไม้กิ่งไม้โดยเชื้อราที่อาศัยอยู่ในต้นและพื้นดินโดยรอบ ใบลดรูปเหลือเป็นเกล็ดขนาดเล็ก ไม่เป็นสีเขียวเหมือนพืชส่วนใหญ่ที่ใช้การสังเคราะห์ด้วยแสงผลิตอาหาร วงจรชีวิตส่วนใหญ่มีเพียงหัวหรือส่วนต้นใต้ดิน จะโผล่ดอกขึ้นมาให้เห็นบนพื้นป่าแค่ระยะเวลาสั้น ๆ ในช่วงหน้าฝน จึงเป็นพืชที่ค่อนข้างลึกลับและพบได้ยาก ทั่วโลกพบพืชในวงศ์เดียวกันนี้ คือ Thismiaceae ประมาณ 60 ชนิด เฉพาะในพื้นที่ประเทศไทยพบแล้ว 14 ชนิด

สำหรับที่พื้นที่ปกปักทรัพยากรท้องถิ่นเขาคอหงส์ ม.อ. พบและบันทึกภาพครั้งแรกเมื่อปีพ.ศ. 2550 เป็นชนิดพิศวงรยางค์ Thismia javanica ซึ่งมีวงกลีบรวมเป็นรยางค์ 3 อันที่ยาวมาก มีการพบเจออีกบ้างไม่บ่อยครั้งหลังจากครั้งแรก แต่ละครั้งจะพบในพื้นที่ขนาดเล็กเพียงไม่กี่ต้น มีการแพร่กระจายในประเทศไทยตั้งแต่จังหวัดกาญจนบุรี เพชรบุรี พังงา นครศรีธรรมราช และสงขลา และลงไปถึงประเทศมาเลเซียและอินโดนีเซียซึ่งมีเกาะชวาเป็นแหล่งที่พบครั้งแรกตามความหมายของคำระบุชนิดในชื่อวิทยาศาสตร์ javanica

การที่ยังสามารถค้นพบพิศวงรยางค์ได้เมื่อวันที่ 18 มิถุนายน 2564 ที่ผ่านมาดังภาพนี้ บ่งบอกถึงความสมบูรณ์ของพื้นที่ปกปักทรัพยากรท้องถิ่นเขาคอหงส์ ม.อ. ที่ยังคงรักษาความสมบูรณ์ของพื้นที่ป่าดิบชื้นแบบดั้งเดิมบางส่วนไว้ได้ เนื่องจากเป็นพืชที่อาศัยอยู่ในป่าที่มีความชื้นและร่มเงา ในระดับความสูง 50 – 700 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล โอกาสพบพิศวงรยางค์จะอยู่ในช่วงเดือนมิถุนายน – กันยายน ที่เป็นฤดูกาลออกดอก

กาแฟเครื่องดื่มที่ครั้งหนึ่งเคยถูกกล่าวหาว่าเป็นเครื่องดื่มของซาตาน

ย้อนตำนานกาแฟ! เครื่องดื่มที่ครั้งหนึ่งเคยถูกกล่าวหาว่าเป็นเครื่องดื่มของซาตาน

ค้นหา ย้อนกลับไปยุคก่อนศตวรรษที่ 16 กาแฟได้รับความนิยมในตะวันออกกลางเป็นอย่างมากในฐานะของเครื่องดื่มที่ช่วยเพิ่มความสดชื่น โดยต้นกำเนิดของมันนั้น เล่ากันว่ามาจากคนเลี้ยงแพะที่สังเกตว่าแพะของตน ซึ่งปกตินั้นจะเอาแต่นอนแต่เมื่อกินผลสีแดงที่อยู่บนต้นกาแฟกลับกระปี้กระเปร่ากว่าเดิม จึงได้ทดลองกินบ้างและพบว่าเจ้าผลนี้มันมีฤทธิ์ช่วยสร้างความสดชื่นก่อนที่จะแพร่หลายไปทั่วตะวันออกกลาง

แต่ถึงแม้ทางตะวันออกกลางนั้นจะนิยมแค่ไหน ในยุโรปนั้นกลับมองว่ามันคือเครื่องดื่มของพวกนอกรีต หรือมีแม้กระทั่งบอกว่ากาแฟนั้นเป็นสิ่งที่ถูกส่งมาโดยซาตาน จึงมีเสียงเรียกร้องจากกลุ่มผู้เคร่งศาสนาไปยังพระสันตะปาปาคลีเมนต์ที่ 8 ว่าให้ออกคำสั่งลงโทษผู้ที่ดื่มหรือมีกาแฟไว้ในครอบครอง ไปยังอาณาจักรต่างๆ ที่ศาสนจักรมีอิทธิพล

แต่พระสันตะปาปาคลีเมนต์ที่ 8 กลับบอกว่าการที่จะตัดสินข้อเรียกร้องดังกล่าว จะต้องทดลองชิมดูก่อน พระองค์จึงได้ทดลองชิมกาแฟและพบว่ามันเป็นเครื่องดื่มที่เหนือคำบรรยาย
และไม่ได้เลวร้ายอย่างที่ว่ากัน และจะเป็นที่น่าเสียดายหากเครื่องดื่มชั้นเลิศแบบนี้จะมีแต่พวกนอกรีตที่ได้ดื่ม คำเรียกร้องเหล่าจึงตกไป และกาแฟจากตะวันออกกลางก็เริ่มเข้ามาแพร่หลายในยุโรปหลังจากนั้นเป็นต้นมา

เรียบเรียง : สสส

ฮือฮา!พบไพลด่าง ว่านฤาษีสร้างหายากใกล้สูญพันธุ์


ค้นหา
ฮือฮา!พบไพลด่าง ‘ว่านฤาษีสร้าง’ หายากใกล้สูญพันธุ์ชนิดหนึ่ง

ว่านไพลปลุกเสก-ว่านฤาษีสร้าง" หายากใกล้สูญพันธุ์ คนโบราณนิยมปลูกในบ้าน เชื่อป้องกันภูตผีปิศาจ-มนต์ดำ ปลุกเสกกิน-ทา แคล้วคลาด คงกระพัน แก้คุณไสย

เมื่อวันที่ 28 ก.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่หมู่บ้านพื้นที่ชายแดนไทย จ.สุรินทร์ พบเรื่องราวสุดฮือฮา หลังกระแสต้นไม้ด่างมาแรงราคาแพงบนโลกออนไลน์ขณะนี้ ทั้งต้นกล้วยด่าง บอนสี บอนด่าง ล้วนแต่ราคาซื้อขายกันหลักหมื่นหลักแสน ทำให้ชาวบ้านหลายๆ คนต้องเดินสำรวจพื้นที่ในบ้านหวังว่าจะโชคดีมีต้นไม้ด่างเหมือนเขาบ้าง จนเป็นเรื่องราวคาดไม่ถึงที่บริเวณหลังบ้านเลขที่ 116 หมู่ 13 บ้านลันแต้อุดมสุข ต.เทพรักษา อ.สังขะ จ.สุรินทร์ ของคุณยายลน สืบศรี วัย 82 ปี พบพืชชนิดหนึ่งขึ้นปะปนอยู่รวมกับกอไพลกว่า 10 ต้น โดยมีลักษณะต้น ก้านใบ หัว และเนื้อในมีสีเหลืองเหมือนไพลธรรมดา แต่พื้นใบมีป้ายขาวเป็นทางคล้ายว่านข่าจืด และหัวมีขนาดเล็กกว่าหัวไพล ชาวบ้านเชื่อว่าว่านชนิดนี้คือไพลด่าง หรือว่านไพลปลุกเสก หรือว่านฤาษีสร้าง แล้วแต่ละพื้นที่จะเรียกขานกัน ซึ่งในอดีตคนนิยมนำมาปลูกไว้ในบ้านเรือนเพื่อป้องกันภูตผีปิศาจ มนต์ดำ โดยการนำเอาหัวว่านไพลด่างมาทำการปลูกเสกจึงเรียกว่านชนิดนี้ว่าว่านไพลปลุกเสก

สำหรับตามตำรายาโบราณเชื่อว่าว่านไพลปลุกเสก เป็นไพลธรรมดาที่ฤาษีปลุกเสกแล้วเกิดอภินิหาร บังเกิดเป็นทางขาวขึ้นที่ใบ นับเป็นของกายสิทธิ์แก้ได้สารพัดโรค ที่เรียกว่ายาวิเศษ ผู้ใดนำมาปลูกไว้จะบังเกิดลาภผล โภคทรัพย์ จะทำการใดๆ ย่อมสำเร็จโดยทุกประการ ใช้เป็นยารักษาโรคต่างๆตามอธิษฐาน หากจะใช้ขับไล่ภูตผีปิศาจหรือแก้คุณไสยมนต์ดำต่างๆ ให้ใช้หัวฝนกับสุราทั้งกินและทา 

ถ้าจะให้แคล้วคลาดให้นำหัวเสก “อิติปิโส จนถึง ภควาติ” 3 จบก่อนแล้วพกติดตัว ถ้าจะให้คงกระพันให้เสก “นะโมพุทธายะ นะมะพะทะ จะพะกะสะ” 3 จบ แล้วกิน หรือใช้หัวตำกินกับเหล้าเสกด้วย “กอออนออะ นะอะกะอัง” 108 ครั้ง ถ้าจะแก้คุณไสยให้เสกด้วย กรณียเมตตสูตร คือ “เมตตัญจะสัพพโรกัสมิง มานะ สัมภาวะเย อะปริมานัง อัทธังอะโท จริยันจะ อะสัมภาทัง อะเวรัง อัสสะปัตตัง ติจถันจะรัง นิสินโนวา สะยาโนวา ยาวะตัสสะฯ” 9 ครั้ง เอาหัวตำให้ละเอียด ละลายกับน้ำฝนทาตามตัว และคั้นน้ำให้กิน ว่านนี้บางตำรากล่าวว่าสรรพคุณนั้นดีกว่าไพลดำเสียอีก อนึ่งก่อนจะทำการรักษาโรคใดๆ ให้ทำการจุดูธูปเทียนบูชาระลึกถึงพระฤาษีที่ประสิทธิ์ว่านยานี้ก่อน

ผู้สื่อข่าวจึงสอบถามคุณยายลน ท่านไม่สามารถพูดเป็นภาษาไทยได้ ทางทีมข่าวจึงถามเป็นภาษาเขมรซึ่งเป็นภาษาท้องถิ่นสุรินทร์ ได้ใจความว่า เนื่องจากคุณยายมีอายุมากแล้วจึงไม่ทราบว่านำมาปลูกไว้ตั้งแต่เมื่อไหร่ หรือได้มาจากไหน บอกได้เพียงว่าปลูกไว้นานแล้ว ตามความเชื่อของคนโบราณ ที่นิยมปลูกไว้ในบ้านจะสามารถป้องกันภูตผีปิศาจ ป้องกันมนต์ดำ ป้องกันคุณไสย ซึ่งในอดีตคนเชื่อเรื่องคุณไสยกันมาก จึงหายาหรือสมุนไพรว่านที่สามารถปกปักรักษามาปลูกติดบ้านกันเป็นเรื่องปกตินั่นเอง

หายากต้นแก้งขี้พระร่วงพันธุ์ไม้ในตำนานใกล้สูญพันธุ์


ค้นหา
หายาก!”ต้นแก้งขี้พระร่วง”พันธุ์ไม้ในตำนานใกล้สูญพันธุ์ บุกป่าพิสูจน์ เจอแค่ต้นเดียว

เผยแพร่ วันจันทร์ที่ 5 กันยายน พ.ศ.2559 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 5 กันยายน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายพงศ์เลิศ ศิริบูรณ์ นักวิชาการสวนพฤกษศาสตร์พระแม่ย่าสุโขทัย

พร้อมด้วยนายณรงค์ชัย โตอินทร์ ปราชญ์ชาวบ้านและเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติรามคำแหงได้ร่วมกันลงพื้นที่พิสูจน์ “แก้งขี้พระร่วง” ต้นไม้ในตำนานซึ่งหาดูได้ยาก บริเวณป่าสวนลุ่มเชิงเขาหลวงภายในอุทยานแห่งชาติรามคำแหง อ.คีรีมาศ จ.สุโขทัย

จากการเดินเท้าค้นหาตามเส้นทางข้างลำห้วย ที่มีสภาพเป็นทางราบเรียบสลับเนินเขาในผืนป่าดิบสมบูรณ์ ระยะทาง 1 กิโลเมตร จึงได้พบต้นแก้งขี้พระร่วงที่เป็นไม้กลิ่นเหม็น จำนวน 1 ต้น ตามภาษาท้องถิ่นสุโขทัยเรียกว่า “ไม้เช็ดตูดพระร่วง"

วันจันทร์ที่ 23 สิงหาคม พ.ศ. 2564

Alkaline Hydrolysis เครื่องละลายศพให้เป็นน้ำ เทคโนโลยีการจัดการศพแบบใหม่ ได้น้ำชีวภาพไว้รดต้นไม้

แบบนี้ก็มีด้วย ‘Alkaline Hydrolysis’ เครื่องละลายศพให้เป็นน้ำ เทคโนโลยีการจัดการศพแบบใหม่ ได้น้ำชีวภาพไว้รดต้นไม้ด้วย มีขั้นตอนยังไง มาดูกันเลยครับ!
ค้นหา
Custom Search
การเผาศพหรือการฝังศพแต่ละครั้งสิ่งที่ตามมานอกจากความเศร้าโศกเสียใจ คือการสร้างมลพิษให้กับสิ่งแวดล้อม เช่นการทำลายหน้าดิน หรือการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ออกมาในขณะที่เผาศพ ดังนั้นจึงมีผู้คิดค้นนวัตกรรมการจัดการกับศพแบบใหม่ขึ้นมา

Alkaline Hydrolysis เป็นเครื่องใช้สำหรับละลายศพให้เป็นน้ำ ที่ Glasgow-based Company เป็นผู้ผลิตขึ้นมา หลักการทำงานคือศพที่ถูกนำเข้าไปในเครื่องจะถูกต้มด้วยสารที่เป็นด่าง 

ซึ่งเจ้าเครื่องนี้จะปล่อยสาร Potassium Hydroxide ออกมาเพื่อใช้สำหรับแช่ศพ โดยจะทำการเพิ่มอุณหภูมิที่ 160 องศาเซลเซียส เป็นเวลา 3 ชั่วโมง
หลังจากที่ Alkaline Hydrolysis ทำการเพิ่มความดันและเพิ่มอุณหภูมิตามเวลาที่กำหนดแล้ว สภาพศพในเครื่องก็จะกลายเป็นน้ำเหลวๆ สีน้ำตาลที่มีกลิ่นแอมโมเนียฉุนอย่างรุนแรง และจะเหลือโครงกระดูกสำหรับส่งคืนญาติของผู้เสียชีวิตต่อไป โดยโครงกระดูกที่ได้จะมีลักษณะที่นุ่ม เนื่องจากผ่านกรรมวิธีการละลายมาแล้วนั่นเอง

ล่าสุด 7 รัฐในประเทศสหรัฐอเมริกาได้อนุญาตให้ใช้เครื่องละลายศพ Alkaline Hydrolysis นี้แล้ว โดย Glasgow-based Company ที่เป็นผู้ผลิตยังกล่าวว่า กระบวนการละลายศพแบบนี้ไม่ก่อให้เกิดมลพิษต่างๆ เนื่องจากไม่ต้องใช้ไฟในการเผา และน้ำจากศพที่ละลายออกมายังสามารถนำไปรดน้ำต้นไม้ คล้ายๆ กับปุ๋ยชีวภาพได้อีกด้วย ฟังดูแปลกๆ ชอบกล คนไทยอย่างเราๆ ใครจะไปกล้าทำ
เรียบเรียง : Dark.TV

รายการบล็อกของฉัน