ค้นหา

บทความที่ได้รับความนิยม

Wikipedia

ผลการค้นหา

วันพุธที่ 13 กรกฎาคม พ.ศ. 2559

สุดยอด ยาแก้ไอ สมุนไพรในครัว


สุดยอด ยาแก้ไอจากสมุนไพรในครัว
ขิงแก่ หอมแดง กระเทียม มะนาว เกลือป่น
(เล็กน้อย)
นำขิง หอมแดง กระเทียม ปริมาณเท่าๆกัน (เสมอกัน) มาปอกเปลือก ล้างให้สะอาด หั่นเป็นสี่เหลี่ยมเล็กๆ คลุกเคล้าให้เข้ากัน บีบมะนาว ๑ ผล ตามลงไป แต่งรสด้วยเกลือป่นเล็กน้อย แซมด้วยเปลือกมะนาวตามชอบ...

สรรพคุณ...
บรรเทา...อาการ ไอเรื้อรัง ไอหอบ ไอมีเสลด หรือ ไอแห้งๆ ให้รำคาญ..ทานบ่อยๆ ทีละน้อย ตามด้วยน้ำอุ่น อาการไอจะชะงัก ชุ่มคอ บำรุงเสียงดีนักแล...
ความเผ็ดร้อน ของขิง ยังแก้จุกเสียดได้ดี บำรุงธาตุ 
แก้คลื่นไส้ และยังช่วยระบบย่อยอาหารได้อย่างดีอีกเช่นกัน

หอม กระเทียม ช่วยทำให้หลอดลม ทางเดินหายใจโล่ง ลดเสลด กระตุ้นทางเดินหายใจให้โล่ง ลดน้ำมูก
เกลือ ช่วยกวาดคอ ลดเมือกมัน ในขั้วปอด ในหลอดลม
มะนาว เปลือกมะนาว รักษาอาการไอ ขับเสมหะ..
ท่านที่ไอมานาน ทานยาเท่าไหร่ ไม่หายสักที ทดลองวิธีนี้ดูสะดวก ประหยัด ปลอดภัย ทำได้ง่าย..
ไม่เปลืองเวลา

*ตำรับยาจาก อ.หมอสมพร โรงพยาบาลการแพทย์แผนไทย มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์

16เหตุผลดีๆ ควรกินสับปะรดเป็นประจำ


เหตุผลดีๆ 16 ข้อ ที่บอกว่าทำไมเราถึงควรกินสับปะรดเป็นประจำ!

สับปะรด ผลไม้มหัศจรรย์มากคุณค่า ลดริ้วรอย ชะลอวัย ทำให้ผิวขาว บำรุงสายตา บำรุงสมอง ป้องกันเบาหวาน มะเร็ง เก๊าต์ ลดอักเสบปวดกล้ามเนื้อ ปวดประจำเดือน ฯลฯ

สับปะรด เป็นผลไม้ที่มีรสชาติอร่อยหวานๆ เปรี้ยวนิดๆ ถูกปากถูกใจใครหลายคน ไม่ว่าผู้หญิง ผู้ชาย ต่างได้ลิ้มรสแล้วเป็นหยุดไม่ได้ สับประรดไม่เพียงแค่อร่อยเท่านั้น แต่ยังมีคุณประโยชน์มากมายอย่างคาดไม่ถึง ต้องอ่าน 16 เหตุผลว่าทำไมต้องกินสับปะรด ทั้งที่หลายคนบอกว่ามันเป็นผลไม้บ้านนอก

1.เพิ่มพลังงาน สับปะรด ช่วยเพิ่มระดับพลังงานได้อย่างที่คาดไม่ถึง เพราะในสับปะรด มีน้ำตาลจากธรรมชาติ ที่ช่วยเพิ่มระดับพลังงานได้เยี่ยมยอด

2. ลดริ้วรอย ชะลอวัย ทำให้ผิวขาว สับประรด มีสารต้านอนุมูลอิสระสูงมาก สับประรด ช่วยสังเคราะห์คอลลาเจน จึงช่วยในเรื่องการเกิดริ้วรอยทำให้ชะลอวัย ต้านความแก่ได้ดี บำรุงร่างกายและผิวพรรณ ต้องบำรุงจากภายในสำคัญกว่าภายนอก และยังช่วยลดการผลิตเมลานิน จึงมีส่วนช่วยทำให้ผิวคุณขาวขึ้นได้

3. ควบคุมน้ำหนักได้ การย่อยอาหารดีขึ้น ลดระดับคอเลสเตอรอล เนื้อของผลสับปะรด มีปริมาณเส้นใยสูง ปรับสมดุลระบบการย่อยอาหาร ช่วยในการ
ลดน้ำหนักได้ดี สับปะรด ยังช่วยลดระดับของไขมัน
เลว (LDL) และทำให้ช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลได้อีกด้วย

4. บำรุงดวงตา สับปะรด เป็นผลไม้ที่ดีสำหรับดวงตา สับปะรด มีวิตามินมากมาย และมีเบต้าแคโรทีน ที่ช่วยส่งเสริมวิสัยทัศน์ที่ดีในการมองเห็น ทำให้ดวงตามีสุขภาพดีขึ้น

5.ลดความเสี่ยงการเกิดโรคมะเร็ง การกินสับปะรด เป็นประจำ ทำให้ร่างกายสามารถต่อสู้กับโรคมะเร็งบางชนิดได้ เพราะสับปะรด เต็มไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระที่มีประสิทธิภาพ มีคุณสมบัติช่วยลดความเสี่ยงของโรคมะเร็ง

6.ความจำดี บำรุงสมองของคุณ ถ้ารู้สึกหลงๆ ลืมๆ สับปะรด สามารถช่วยให้ความจำของคุณดีขึ้น เรียกได้ว่าสับปะรด เป็นอาหารของสมองเลย เมื่อใดที่รู้สึกว่าสมองเมื่อยล้า คิดอะไรไม่ออก หยิบสับปะรดมากิน จะช่วยให้สมองสดใสปิ๊งไอเดียใหม่ๆ ได้

8.ทำให้นอนหลับได้สบายมากขึ้น หากมีปัญหากับการนอนหลับ เป็นคนหลับยาก การกินสับปะรด อย่างสม่ำเสมอช่วยได้อย่างแน่นอน เพราะสับปะรดมีเมลาโทนินที่ช่วยให้การนอนหลับดีขึ้น

9. ลดน้ำตาลในเลือด ป้องกัน-บรรเทาเบาหวาน สับปะรด ผลไม้สีสวย สีเข้มจนเกือบดำนี่เอง ที่มีสารแอนโธไซยานิน สรรพคุณช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือดได้ ช่วยป้องกันการเกิดโรคเบาหวาน และบรรเทาอาการเบาหวาน

10. ป้องกันและรักษาโรคเกาต์ อาการข้ออักเสบปวดบวมตามข้อ กินสับปะรด ช่วยลดอาการปวดและบวม บรรเทาอาการปวดได้เป็นอย่างดี ป้องกันและรักษาโรคเกาต์ อาการข้ออักเสบปวดบวมตามข้อได้มากถึง 70% หากกินต่อเนื่องเป็นประจำ หรือปวดข้ออักเสบให้กินสับปะรด เข้าไปแทนการกินยา และสังเกตเลยว่ามันจริงหรือไม่

11.ช่วยป้องกันการปวดกล้ามเนื้อ สับปะรด มีสารโพแทสเซียมสูงมาก พอๆ กับกล้วย โพแทสเซียมมีคุณสมบัติช่วยลดและป้องกันการปวดกล้ามเนื้อ เราทราบกันดีว่ากล้วยราคาถูกกว่าและมีโพแทสเซียมสูง แต่หลายคนไม่ชอบกินกล้วย สับปะรด เป็นอีกทางเลือกหนึ่งได้

12. ลดความเสี่ยงโรคหัวใจ สับปะรด ถือเป็นผลไม้หรืออาหารที่ดีสำหรับหัวใจ ช่วยลดความเสี่ยงของโรคหัวใจ ดูแลสุขภาพหัวใจของคุณให้แข็งแรงได้ด้วยการกินสับปะรด

13. ช่วยลดอาการอักเสบ หนึ่งในประโยชน์ด้านสุขภาพที่สำคัญที่สุดของสับปะรดคือ ช่วยลดอาการอักเสบได้ดี เหมาะสำหรับนักวิ่งและนักกีฬาที่อาจจะปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ หรือได้รับบาดเจ็บหลังจากการออกกำลังกายหรือกิจกรรมหนักๆ กินสับปะรดช่วยได้จริงๆ

14. รักษาความปวดข้ออักเสบ สำหรับผู้ป่วยโรคข้ออักเสบ ที่กำลังทุกข์ทรมานจากความเจ็บปวด ให้ลองดื่มน้ำสับปะรด คั้นบริสุทธิ์ วันละ 3 แก้ว ก่อนหรือหลังอาหาร 15 นาที จะช่วยบรรเทาอาการเจ็บปวดได้ดี

15. สับปะรดจะปลอดสารพิษตกค้าง เนื่องจากไม่มีการฉีดพ่นยาฆ่าแมลงหรือสารกำจัดศัตรูพืชแต่อย่างใด เพราะสับประรด เป็นพืชที่ปลอดจากศัตรูพืชทุกชนิด

16. บรรเทาอาการปวดประจำเดือน โพแทสเซียมในสับปะรด ช่วยลดและป้องกันการปวดกล้ามเนื้อ ยังอาจช่วยบรรเทาอาการปวดประจำเดือนได้อีกด้วย ดื่มน้ำสับปะรด คั้นบริสุทธิ์ วันละ 3 แก้ว ก่อนหรือหลังอาหาร 15 นาที จะช่วยบรรเทาได้

กินสับปะรด ให้ได้คุณค่า ต้องกินแบบสดๆ นะคะ ถ้าเป็นน้ำสับปะรด ก็เป็นน้ำคั้นจากสับประรด 100% ไม่เติมน้ำตาลและวัตถุกันเสีย คุณจะได้คุณค่าจากสับปะรด ที่แท้จริง

วันอังคารที่ 12 กรกฎาคม พ.ศ. 2559

มะละกอไม่ใช่พืชพื้นถิ่นไทย


มะละกอไม่ใช่พืชพื้นถิ่นไทย
หลายคนอาจสงสัยว่า อ้าว...แล้วที่ใครๆ ก็คิดส้มตำกันทั่วบ้านทั่วเมืองไม่ได้บ่งบอกอยู่แล้วเหรอว่าเป็นของพื้นถิ่นยอดฮิตของอีสาน
จริงครับ...มะละกอเพิ่งเข้าไปถึงอีสานและลาวในช่วงรัชกาลที่ 5 นี่เอง เพราะมีการสร้างทางรถไฟ และแพร่หลายมากขึ้นหลังมีการตัดถนนมิตรภาพ แต่มะละกอของอีสานก็ไม่ได้ลูกใหญ่ลูกโตแบบมะละกอของภาคกลาง เรื่องนี้ยืนยันได้ เพราะผู้เขียนเองเป็นลูกอีสาน เจอแต่มะละกอป้อมๆ แกรนๆ ตอนเข้ามากรุงเทพฯ ครั้งแรกเห็นมะละกอลูกใหญ่ยังตกใจคิดว่าของปลอม

มะละกอเป็นพืชพื้นถิ่นทางอเมริกากลางครับ โดยเฉพาะแถวเม็กซิโกนี่ขึ้นดีนักแล มีหลักฐานสองสายว่าไม่สเปนก็โปรตุเกสเป็นผู้นำเข้ามะละกอมาปลูกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในเขตอาณานิคมของพวกเขา คนไทยสมัยก่อนคงกินมะละกอที่มาจากมาเลเวีย เพราะเรียกผลไม้ชนิดนี้ว่า “มะละกา” นานเข้าก็เพี้ยนเป็น “มะละกอ” อย่างที่เรียกกันอยู่ในปัจจุบัน
ส่วน “ส้มตำ” ที่นิยมไปทั่วนี้ อาจจะเนื่องมาจากความคิดเชิงสร้างสรรค์ของบรรดาเชฟชาวไทยที่ขึ้นชื่อเรื่องการปรุงแต่งอาหารรสเลิศ เลยเอามายำทำ “ตำส้ม” กิน เรียกแบบนี้ถูกแล้วนะครับ เพราะเป็นตำที่มีรสส้มหรือเปรี้ยวนำ สมัยก่อนนิยมเอาผลไม้อย่างอื่นที่มีรสส้มมาตำ เช่น มะม่วง มะยม ตอนหลังก็มีตำถั่ว แตง กล้วย แล้วแต่จะหาผลไม้สดมาปรุงได้ พอได้ลองมะละกอดิบ แล้วก็คงติดใจ เพราะเนื้อมะละกอไม่เปรี้ยวจัดอย่างที่เคยกินกันมาก่อน ทั้งยังดูดซับรสชาติของเครื่องปรุงอย่างอื่นได้ดี ทำให้ได้ที่กลมกล่อม

พอเข้าไปถึงอีสาน ชาวบ้านก็คงปรับปรุงตามสไตล์ของตนเอง ที่ใส่ปลาร้าก็เพราะอาหารแทบทุกอย่างของอีสานก็ล้วนใส่ปลาร้า ปรากฎว่ารสชาตินัวเนียนกว่าตำแบบไทยภาคกลาง ทำให้ตำส้มมะละกอปลาร้าแบบอีสานแพร่งพรัดกระจัดกระจายไปตามการอพยพย้ายถิ่นทำงานของคนอีสาน วัฒนธรรมการกินนี้จึงฮอตฮิตไปทุกหัวระแหง   

ในปัจจุบัน มีการระบุว่าไทยเราเป็นชาติที่บริโภคมะละกอมาที่สุดในโลก ทั้งสุก ดิบ ทำน้ำปั่น เอาเนื้อดิบไปทำแกง และแน่นอนทำ “ส้มตำ” นานาชนิดตามสั่ง   ดูเหมือนว่าเราจะใช้ประโยชน์จากมะละกอได้รอบด้าน แต่กลับมีสิ่งหนึ่งที่เราไม่ได้ประโยชน์จากมะละกอ นั่นก็คือ “ยาง” สีขาวน้ำนมจากเปลือกนั่นเอง เพราะสิ่งนี้ชาวตะวันตกเอาไปเข้ากรรมวิธีปลิตออกมาเป้น “ผงหมักเนื้อย่าง” ครับ
แหม่...โพสต์เรื่องส้มตำตอนเที่ยงๆ แบบนี้ มันช่างเปรี้ยวปากเหลือเกิน



รายการบล็อกของฉัน