ด้านผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่า มันไม่ใช่ "ฟอสซิลมังกร" แต่เป็นส่วนต้นของซากดึกดำบรรพ์ของไม้ที่กลายเป็นหิน หรือเป็นพืชชนิดหนึ่งในไฟลัมไลโคไฟตา (Division Lycophyta) ที่มีชีวิตอยู่ในปลายยุคเพอร์เมียน (Permian) เมื่อ 250 ล้านปีก่อน
จากในภาพเมื่อเห็นชิ้นส่วนมีความยาวถึง 130 ซม. เส้นผ่าศูนย์กลางยาว 17 ซม. มีสีดำและแข็ง ส่วนของ “เกล็ด” มีผิวเรียบและเรียงตัวกันอย่างเป็นระเบียบ หากดูจากรูปร่างและขนาดของฟอสซิล ชาวบ้านจึงเดาว่ามันเป็นฟอสซิลของงูหลามยักษ์ บางคนถึงกับบอกว่ามันคือ "มังกร" ที่อยู่ในตำนาน
ทางด้าน ศ.เฝิงจัว อาจารย์พิเศษห้องปฏิบัติการหลักสัตว์และพืชดึกดำบรรพ์ศึกษาระดับปริญญาเอกของ ม.ยูนนานได้กล่าวว่า สิ่งที่ชาวบ้านขุดพบนั้นเป็นซากดึกดำบรรพ์ของไม้กลายเป็นหินที่พบได้ทั่วไป เป็นพืชชนิดหนึ่งในไฟลัมไลโคไฟตาที่สูญพันธุ์ไปแล้ว และเคยอยู่ในยุคคาร์บอนิเฟอรัส (Carboniferous) และยุคเพอร์เมียน (permian) จึงนับว่ามีความสำคัญต่อโลกในฐานะซากพืชที่ตกตะกอนและกลายเป็นถ่านหิน
โดยซากดึกดำบรรพ์ไม้กลายเป็นหินนี้มีอายุราว 350 – 250 ล้านปีก่อน อยู่ในยุคคาร์บอนิเฟอรัส (Carboniferous) และยุคเพอร์เมียน (permian) สามารถเจริญเติบโตได้จนมีลักษณะสูงใหญ่ อาจสูงได้เกือบ 50 เมตร เมื่อใบร่วงโรยแล้ว ผิวของลำต้นจึงทิ้งรอยตาของต้นไม้เอาไว้ ทำให้มีลักษณะคล้ายกับเกล็ดปลาและงูที่เรียงต่อกันอย่างเป็นระเบียบ