ค้นหา

บทความที่ได้รับความนิยม

Wikipedia

ผลการค้นหา

วันศุกร์ที่ 3 มีนาคม พ.ศ. 2560

ต้นแปะก๊วยอายุ 1,400 ปี ผลัดใบสีทองอร่าม


ต้นแปะก๊วยอายุ 1,400 ปี ผลัดใบสีทองอร่าม
อยากเห็นด้วยตาซักครั้งจริงๆ

มีมาฝากกันอีกแล้วครับสำหรับภาพสวยๆ จากทั่วทุกมุมโลกของเราในวันนี้ บอกได้เลยว่าโลกของเรานั้นยังคงเต็มไปด้วยสิ่งอัศจรรย์พันลึกมากมายที่สุดจะจินตนาการจริงๆ อย่างเช่นในวันนี้เราจะพาไปชมความงดงามตามธรรมชาติของ ต้นแปะก๊วยอายุ 1,400 ปี  จากประเทศจีนกันครับ
นี่คือภาพของต้นแปะก๊วยอายุเก่าแก่รา 1,400 ปี จากประเทศจีน  ขณะกำลังผลัดใบสีเหลืองทองอร่ามทั้งต้นลงสู่พพื้นดินด้านล่าง จะทำให้กลายเป็นพื้นที่สีทองไปทั่วบริเวณ

สร้างทัศนียภาพอันงดงามตระการตาราวกับว่าเป็นต้นไม้ที่หลุดออกมาจากเทพนิยาย ใบไม้สีทองเหล่านี้ เริ่มผลัดตั้งแต่ช่วงกลางเดือนพฤศ๗ิกายนที่ผ่านมา เป็นต้นแปะก๊วยอายุเก่าแก่ที่อยู่ภายในวัด Gu Guanyin บนภูเขา Zhongnan  ของจีน

ต้นแปะก๊วยนั้นนับเป็นหนึ่งในสายพันธุ์ต้นไม้ที่มีอายุยืนยาว เรียกได้ว่าเป็นฟอสซิลที่มีชีวิต เลยทีเดียว ด้วยความอดทนต่อสภาพอากาศ ทำให้มันยืนต้นอยู่ได้แม้เวลาจะผ่านเนิ่นนานกว่า 200 ล้านปี แล้วก็ตามที 

บอกได้เลยว่านี่เป็นภาพต้นไม้ที่สวยระดับโลก มันน่าไปเห็นด้วยตาตัวเองซักครั้งในชีวิตจริงๆ เลยครับ

EUCALYPTUS DEGLUPTA หนึ่งในต้นไม้ที่สวยและแปลกที่สุดในโลก


EUCALYPTUS DEGLUPTA หนึ่งในต้นไม้ที่สวยและแปลกที่สุดในโลก
กลับมาพบกันอีกครั้งกับเรื่องราวของความเป็นที่สุดในโลกของเราในวันนี้ครับ 

ยังคงมีเรื่องราวที่น่าสนใจจากทั่วทุกมุมโลกมาให้ได้ติดตามรับชมกันเหมือนเช่นเคย โลกของเรานั้นยังคงเต็มไปด้วยความอัศจรรย์น่าค้นหาและน่าตื่นตาตืนใจมากมาย

โลกของเรานั้นเต็มไปด้วยบรรดาสัตว์น้อยใหญ่และพืชพันธุ์นาๆ ชนิด บางครั้งเรานั้นจินตนาการไปไม่ถึงด้วยซ้ำว่า ความอัศจรรย์ของธรรมชาตินั้นมัจะสุดยอดถึงเพียงนี้ อย่างเช่นต้นไม้ที่เรานำมาให้ได้ชมกันในวันนี้ครับ 

นี่คือต้นไม้ที่มีชื่อว่า Eucalyptus deglupta หรือที่เรียกว่า  ยูคาลิปตัสสีรุ้ง 
หนึ่งในต้นไม้ที่สวยและแปลกที่สุดในโลก ด้วยความพิเศษที่ไม่เหมือนใคร เปลือกบนลำต้นของต้นไม้ชนิดนี้จะมีสีสันมากมายดูคล้ายกับสีรุ้ง

ซึ่งเกิดจาก ชั้นเปลือกไม้ที่มีสีสันต่างกัน จึงทำให้ได้สีที่แปลกตาออกมา โดยจะมีทั้งสีน้ำเงิน สีส้ม สีม่วง สีม่วงเข้มแกมน้ำตาล

Eucalyptus deglupta เป็นต้นไม้ที่พบได้ทั่วไปในนิวบริเทน นิวกินี เกาะซูลาเวซี มินดาเนา ปัจจุบันเริ่ใได้รับความสนใจนำไปปลูกเป็นต้นไม้ประดับทั่วโลก แต่ลำต้นนั้นสูงใหญ่ จึงอาจจะต้องใช้พื้นที่ในการปลูกมากเป็นพิเศษครับ

นับเป็นความสุดยอดของธรรมชาติที่น่าอัศจรรย์สำหรับต้นไม้เปลือกหลากสีสันต้นนี้ 

นับเป็นหนึ่งในต้นไม้ที่สวยและแปลกที่สุดในโลก สุดยอดจริงๆ ครับ

งงทั้งหมู่บ้านเห็นบางอย่างแปลกๆรอบต้นไม้ใหญ่พอเข้าไปดูชัดๆชาวบ้านถึงกับแตกตื่น แห่กราบไหว้ทันที!!

งงทั้งหมู่บ้าน เห็นบางอย่างแปลกๆ"รอบต้นไม้ใหญ่"พอเข้าไปดูชัดๆชาวบ้านถึงกับแตกตื่น แห่กราบไหว้ทันที

นึกว่าเรื่องแบบนี้จะมีแต่ในเมืองไทยบ้านเราซะแล้ว สำหรับการแห่บูชากราบไหว้สิ่งแปลกๆ ที่เชื่อว่าเป็นสิ่งมหัศจรรย์เหนือธรรมชาติ โดยล่าสุดมีชาวจีนได้พากันกราบไหว้บูชา "รากต้นไม้" ที่มีลักษณะคล้ายๆกับสัตว์ชนิดหนึ่ง ที่เชื่อว่ามี "เทพ" มาสิงสถิตอยู่ โดยนอกจากนั้นยังมีประชากรมากกว่า 70,000 คนเข้ามากราบไหว้สถานที่แห่งนั้นกันอย่างคับคั่งอีกด้วย

โดยหลังจากมีผู้พบเห็นต้นไม้ประหลาดนี้ได้ไม่นาน ก็มีชาวบ้านในต่างชุมชนรวมถึงรายการทีวีเข้ามาถ่ายทำรายการมากมาย  ซึ่งแต่ละวันจะมีคนเข้ามากราบไหว้อย่างน้อยไม่ต่ำกว่า 1,000 คนทำให้ที่นี่กลายเป็นสถานที่คึกคักไปแล้ว

สำหรับผู้ที่มากราบไหว้และเลื่อมใสก็จะนำเงินใส่ไว้ในตะกร้าบริจาค แต่รัฐบาลท้องถิ่นได้ออกมาแถลงการณ์เกี่ยวกับต้นไม้ต้นนี้ โดยระบุว่าความจริงเป็นเพียงความผิดปกติของต้นไม้เท่านั้นไม่ได้มีเทพมาสิงสถิตแต่อย่างใด แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังมีชาวบ้านกราบไหว้บูชาอยู่เหมือนเดิม

อย่างไรก็ตามถือเป็นความเชื่อส่วนบุคคล ( จะบอกว่าเมืองไทยบ้านเรายิ่งกว่านี้อีก ฮ่าๆ)โปรดใช้วิจารณญาณในการรับชมรับฟังนะจ๊ะ!




ทิเบตดินแดนลึกลับ พบพืชพยากรณ์ลมมรสุมอินเดียได้แม่นยำ


ทิเบตดินแดนลึกลับ พบพืชพยากรณ์ลมมรสุมอินเดียได้แม่นยำ
นักวิทยาศาสตร์ค้นพบพืชบนขุนเขาทิเบตสามารถ ‘ทำนาย’ ลมมรสุมจะพัดมาได้ด้วยการคลี่ใบ – ภาพจาก Handout
        
เซาท์ไชน่ามอร์นิ่งโพสต์ - นักวิทยาศาสตร์ค้นพบเป็นครั้งแรกว่า พืชบางชนิดมีความสามารถในการพยากรณ์อากาศ และยังอาจมีคุณสมบัติบางอย่าง ที่สามารถต่อกรกับภาวะโลกร้อนได้ดีกว่าที่เคยคิดกันมาก่อนอีกด้วย
           
พืชคุณสมบัติ อันน่ามหัศจรรย์นี้ เป็นพืชตระกูลหญ้าที่เด่น เช่น ต้นกกบ็อก ( bog sedge) ขึ้นอยู่บนที่ราบสูงทิเบต โดยมันสามารถทำนายการเกิดลมมรสุมอินเดีย และบอกให้ทราบได้ด้วยการคลี่ใบ ก่อนลมพายุจะพัดมาถึง
รายงานผลการค้นพบครั้งนี้ เป็นการศึกษาร่วมกันระหว่างคณะนักวิทยาศาสตร์จีนและยุโรป พิมพ์เผยแพร่ในวารสาร ไซเอนทิฟิก รีพอร์ตส์ ( Scientific Reports) เมื่อเร็วๆ นี้
            
“ พวกมันดูเหมือนจะมีระบบพยากรณ์อากาศ ที่สลับซับซ้อน มันน่าพิศวงจริงๆ ” ศาสตราจารย์ หลัว เทียนซิง แห่งสถาบันวิจัยที่ราบสูงทิเบต ในสังกัดสถาบันวิทยาศาสตร์จีน ที่กรุงปักกิ่งเปิดเผย โดยเขาเป็นหัวหน้านักวิจัยคณะนี้
            
ลมมรสุมอินเดียจัดเป็นลมประจำฤดู ซึ่งมีกำลังแรงจัด และซับซ้อนมากที่สุดในโลก โดยในช่วงเดือนที่ร้อนที่สุดของปี จะมีลมพัดจากมหาสมุทรอินเดียไปยังภูมิภาคทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ หอบฝนมหึมาตกลงมา ทว่าวันเวลาที่ลมมรสุมอินเดียจะมาถึงและกินเวลานานเท่าใดนั้นแตกต่างกันไปในแต่ละปี
             
ศาสตราจารย์หลัวและคณะใช้เวลาในการวิเคราะห์ข้อมูลการสังเกต ที่ได้จากสถานีวิทยาศาสตร์ 5 แห่ง บนที่ราบสูงทิเบตนานกว่า 20 ปี และยังทำการทดลองอีก 7 ปีบนไหล่เขา อันห่างไกล ในเขต ดัมซุง ( Damxung) ของทิเบต เพื่อทดลองและพิสูจน์ทฤษฎี
ต้นกกบ็อก ( bog sedge) บนที่ราบสูงทิเบต – ภาพจาก Handout

        เรื่องหนึ่งที่นักวิทยาศาสตร์คณะนี้สนใจได้แก่อุณหภูมิอากาศ ที่เพิ่มขึ้นอย่างฉับพลัน จะรบกวนนาฬิกาชีวภาพของพืชหรือไม่ โดยผู้เชี่ยวชาญหลายคนวิตกว่า ระบบนิเวศบนที่ราบสูงทิเบตอาจอ่อนไหวเปราะบางต่อการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศโลก เหตุผลหนึ่งก็เนื่องจากระดับความสูงของพื้นที่
             
ทั้งนี้ ในฤดูหนาว ซึ่งอากาศเย็นและแห้งแล้ง พืชหลายชนิดจะม้วนใบเพื่อปกป้องตัวเอง บางคนเกรงว่า ในกรณีฤดูหนาว ที่มีอากาศอบอุ่นผิดกว่าปกติ พืชเหล่านี้อาจม้วนใบเร็วขึ้นก็เป็นได้
            
ทว่าคณะของศาสตราจารย์หลัวค้นพบว่า พืชบนขุนเขาทิเบตกลับไม่เป็นเช่นนั้น เพราะมันคลี่ใบ ทั้งที่อุณหภูมิอากาศมีการเปลี่ยนแปลง
             
“ทิเบตเป็นดินแดน ที่เต็มไปด้วยความลึกลับ สภาพแวดล้อม ที่ไม่เหมือนใคร อาจทำให้ในช่วงวิวัฒนาการเมื่อหลายล้านปีก่อน พืชได้พัฒนาความสามารถพิเศษขึ้นมาก็ได้” ศาสตราจารย์หลัวอธิบาย
             
เขาชี้ว่า พืชบนที่ราบสูงทิเบตมีความยืดหยุ่นมากกว่าที่ผู้เชี่ยวชาญหลายคนเข้าใจกัน พวกมันอาจเผชิญการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศโลกมาแล้วมากมายหลายครั้ง ก่อนมนุษย์พวกแรกจะอุบัติขึ้น กระทั่งสามารถมีชีวิตรอดมาจนถึงยุคสมัยใหม่ และอาจติดอาวุธในการต่อสู้กับภาวะโลกร้อนมากกว่าที่เรารู้ก็เป็นได้
               
อย่างไรก็ตาม ยังมีอีกหลายคำถาม ที่นักวิทยาศาสตร์คณะนี้ยังหาคำตอบไม่ได้ว่า พืชตระกูลหญ้านี้สามารถพยากรณ์อากาศได้อย่างไร เช่นนาฬิกาชีวภาพของมันเดินคล้องจองกับจังหวะในการก่อตัวของไอน้ำเหนือมหาสมุทรอินเดีย ซึ่งอยู่ห่างกันหลายพันกิโลเมตรได้อย่างไร หรือว่า พืชบนที่ราบสูงทิเบตมีกลไกทางโมเลกุลพิเศษบางอย่าง
      
หญ้าบางชนิดอาจมี “ขั้นตอนวิธีการ” ในการคำนวณเวลาการเกิดมรสุม เช่น คำนวณจากการเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ เช่น องศาของแสงแดด และความเร็วลม โดยการทำแผนที่พันธุกรรมจะสามารถยืนยันเรื่องนี้ได้
      
       คณะนักวิทยาศาสตร์สรุปในตอนท้ายด้วยว่า เรายังมีความรู้กันน้อยเกี่ยวกับพืชป่าอีกมากมายบนดินแดนหลังคาโลกแห่งนี้      

รายการบล็อกของฉัน