ค้นหา

บทความที่ได้รับความนิยม

Wikipedia

ผลการค้นหา

วันศุกร์ที่ 28 เมษายน พ.ศ. 2566

ปรากฎการธรรมชาติ ต้นไม้สี่เหลี่ยม" ของ El Valle de Anton ในปานามา

ปรากฎการธรรมชาติ ต้นไม้สี่เหลี่ยม" ของ El Valle de Anton ในปานามา

ภายในแอ่งแบนกว้างของภูเขาไฟ El Valle ที่สงบนิ่งในปานามา เป็นเมืองที่สวยงามที่มีชื่อเดียวกันคือ El Valle de Anton โดยตั้งอยู่บนฝั่งภูเขาของพื้นที่ชายฝั่งทะเล Riviera Pacifica ห่างจากเมืองปานามาซิตี้โดยรถยนต์เพียงไม่กี่ชั่วโมง ที่นี่บริเวณเชิงเขา Cerro Gaital ด้านหลัง Hotel Campestre มีสิ่งที่น่าสนใจและลึกลับที่สุดแห่งหนึ่งของโลก นั่นคือ Square Trees เชื่อกันว่าพวกมันจะเติบโตในส่วนนี้ของโลกเท่านั้น ส่วนเหตุผลที่ว่าทำไมพวกมันถึงเติบโตด้วยมุมที่เหลี่ยมมาก แทนที่จะเป็นทรงกลม ยังคงเป็นปริศนา

Square Trees เป็นกลุ่มต้นไม้ที่เติบโตเป็นลำต้นสี่เหลี่ยม แม้แต่วงแหวนของต้นไม้ก็เป็นรูปสี่เหลี่ยม ต้นไม้เหล่านี้มาจากตระกูลต้นฝ้ายและเติบโตภายในเถ้าถ่านของภูเขาไฟที่ครั้งหนึ่งเคยคุกรุ่น ซึ่งปัจจุบันเมืองนี้ตั้งอยู่ ต้นฝ้ายหายากเหล่านี้สร้างความสับสนให้กับนักท่องเที่ยวและนักวิทยาศาสตร์ แต่ที่ผ่านมายังไม่มีคำอธิบายโดยตรงว่า ทำไมลำต้นของต้นไม้จึงเป็นสี่เหลี่ยมจัตุรัส

 

อย่างไรก็ตาม ในบริเวณเดียวกันยังมีต้นไม้ส่วนหนึ่ง ที่แม้โคนจะเป็นสี่เหลี่ยม แต่หลังจากนั้นจะกลมขึ้นเมื่อเคลื่อนขึ้นด้านบนทำให้ดูเหมือนต้นไม้ปกติทั่วไป แล้วอะไรทำให้ลำต้นของต้นไม้มีรูปร่างเป็นสี่เหลี่ยมได้ บางบทความอาจทำให้คุณเชื่อว่ามีสิ่งลึกลับเกิดขึ้นในหุบเขาแห่งต้นไม้สี่เหลี่ยมนี้

เว็บไซต์หนึ่งระบุว่า มหาวิทยาลัยฟลอริดาได้ทำการวิจัยเกี่ยวกับต้นไม้ โดยนำต้นกล้าของต้นไม้ไปปลูกไว้นอกหุบเขา เพื่อดูว่าพวกมันจะเติบโตและรักษารูปทรง 'สี่เหลี่ยม' ไว้หรือไม่ จากผลการทดลอง พวกเขาอ้างว่าต้นไม้มีรูปร่างตามสภาพท้องถิ่นเท่านั้น หมายถึงสามารถมีได้เฉพาะใน Valley of Square Trees เท่านั้นไม่สามารถปลูกที่อื่นได้ แต่รายงานเหล่านี้ไม่พบข้อมูลและหลักฐานเกี่ยวกับการศึกษาดังกล่าวว่าเกิดขึ้นจริง

ในที่สุดก็มีคำตอบที่แท้จริงนั่นคือ Square Trees ตามคำอธิบายของผู้เชี่ยวชาญ J. Lawrence Dew และ Jean P. Boubli เป็นต้นไม้ทรงพุ่มที่พบได้บ่อยที่สุดอันดับที่ 5 ของปานามา ต้นไม้ตระกูลฝ้ายนี้เป็นพืชเมืองร้อนที่มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Quararibea asterolepis มีถิ่นกำเนิดในบราซิลโคลอมเบีย คอสตาริกา เอกวาดอร์ ปานามา เปรู และเวเนซุเอลา

Q. asterolepis เป็นสายพันธุ์ในวงศ์ Malvácea ซึ่งมีขอบเป็นเหลี่ยมและตรง ทำให้มีลักษณะเป็นสี่เหลี่ยมจัตุรัสหรือสี่เหลี่ยมผืนผ้า โดยจะมีลักษณะเช่นนี้ตั้งแต่ฐานและสูงไม่กี่เมตรแม้แต่วงแหวนของมัน ตั้งแต่นั้นมาลำต้นก็เติบโตเป็นทรงกระบอกเหมือนต้นไม้อื่น ๆ จนถึงความสูงระหว่าง 25 - 35 เมตร

 


ในขณะที่ข้อมูลของสถาบันวิจัยเขตร้อนสมิธโซเนียน (Smithsonian Tropical Research Institute) ยังเพิ่มเติมว่า ลำต้นของต้นไม้นี้มักมีรูปแบบที่ผิดปกติซึ่งไม่ใช่รูปทรงกระบอก แต่จะออกมุมค่อนข้างมาก ซึ่งบางครั้งอาจมีรูปร่างเกือบสี่เหลี่ยมจัตุรัสเมื่อตัดขวาง

และที่ฐาน จะมีลักษณะเหมือนครีบกางออกเพื่อสร้างการค้ำยันในที่แคบ เมื่อต้นไม้โตเต็มที่ เปลือกไม้จะผลัดผิวและลอกออกจนหมด เหลือเพียงลำต้นเรียบที่มีสีเทา โดย Q. asterolepis ที่เติบโตปะปนอยู่ในป่าของหุบเขานี้จะมีป้ายระบุสายพันธุ์ไว้ ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องลึกลับใดๆ

สำหรับปล่องภูเขาไฟ El Valle de Antón เป็นปล่องที่มีความกว้าง 5 - 6 ก.ม. ซึ่งระเบิดเมื่อประมาณ 5 ล้านปีก่อน มันใหญ่เป็นอันดับสองของโลก (ดับแล้ว) โดยทัศนียภาพที่เกิดขึ้นจะมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว แม้แต่หุบเขาสูงชันที่ล้อมรอบด้วยยอดเขาขรุขระ แต่ก็เต็มไปด้วยดอกไม้และป่าไม้เขียวขจี

นอกจากนี้ El Valle เป็นที่รู้จักในฐานะปล่องภูเขาไฟใหญ่ที่เป็นที่อาศัยอยู่อย่างต่อเนื่องที่ใหญ่ที่สุดในโลกด้วย แม้ว่าครั้งหนึ่งปล่องภูเขาไฟเคยเป็นทะเลสาบ แต่ตอนนี้ มันกลายเป็นบ้านของชาวอินเดียนแดงและผู้คนจากภูเขาโดยรอบ และด้วยภูมิอากาศแบบจุลภาค (microclima) ของที่นี่ ได้สร้างพันธุ์พืชที่หลากหลายและสัตว์ที่น่าตื่นตาตื่นใจที่สามารถอยู่ร่วมกันได้ ที่สำคัญยังมีเส้นทางเดินป่าและสถานที่ท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์มากมาย

ในขณะที่เมืองชื่อเดียวกันที่เรียกอีกอย่างว่า Crater Valley อยู่สูงจากระดับน้ำทะเล 600 เมตร ด้วยพื้นที่อุดมสมบูรณ์ 18.3 ตารางก.ม. ที่เต็มไปด้วยต้นไม้สี่เหลี่ยม ดอกไม้ที่สดใส สภาพแวดล้อมของภูเขาที่สวยงาม อากาศเย็นสบาย สวนที่บริสุทธิ์ น้ำพุร้อน น้ำตก และกบสีทอง ทำให้ที่นี่เป็นสถานที่พักผ่อนยอดนิยมของชาวปานามามาหลายปีแล้ว และในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาก็เป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมเช่นกัน

ทั้งนี้ พื้นที่ภูเขาที่สวยงามของ Crater Valley นั้น มีความหลากหลายทางชีวภาพที่น่าประทับใจ โดยเฉพาะพันธุ์ไม้หลายชนิดที่มีลักษณะเฉพาะของป่าภูเขาเขตร้อนชื้น ซึ่งเป็นที่อยู่ของสัตว์ป่านานาชนิดที่มีเฉพาะถิ่น เช่น กบสีทองที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวในโลก นักธรณีวิทยาระบุว่าความที่ El Valle เป็นปล่องภูเขาไฟที่ดับแล้ว

ด้วยเหตุนี้ เนินเขาและหินภูเขาไฟจึงให้ทัศนียภาพทางธรรมชาติที่สวยงามน่าทึ่ง ซึ่งนอกจากกล้วยไม้จำนวนมากแล้ว การระบุฟอสซิลของดอกไม้เช่น Zamia (ฟอสซิลที่มีชีวิตของพืชปานามา) ยังเน้นถึงความหลากหลายและความสำคัญทางชีวภาพของพื้นที่อย่างสูงอีกด้วย

นอกจากน้ำตกหลายแห่งที่สวยงามตลอดทั้งปี El Valle ยังมีอักษรอียิปต์โบราณบางตัวที่สลักอยู่บนโขดหินที่แสดงถึงเส้นทางเข้าออก ภาพเหมือนมนุษย์ และสัญลักษณ์ที่ยังไม่ได้ถอดรหัสโดยนักวิจัยทั้งในและต่างประเทศ รวมถึง La India Dormida เนินเขาที่ดูเหมือนเงาของหญิงสาวที่กำลังหลับใหล

โดยหินเหล่านี้อยู่ห่างจากเมือง La Pintada เพียงไม่กี่นาที

El Valle de Antòn เป็นปล่องภูเขาไฟที่มีป่าเมฆและป่าฝนที่ปกคลุอยู่บนยอดเขา องค์ประกอบที่เป็นหินและเมืองชนบทของภูเขาไฟเหมาะอย่างยิ่งสำหรับการสำรวจเส้นทางประวัติศาสตร์อันเก่าแก่ หุบเขานี้เป็นจุดหมายปลายทางที่ไม่เหมือนใคร เนื่องจากเป็นหนึ่งในสามปล่องภูเขาไฟที่มีผู้คนอาศัยอยู่บนโลกและมีสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมมากมาย เช่น El Macho Chorro สวนสัตว์ El Níspero สวนพฤกษศาสตร์ และตำนาน La India Dormida

วันพฤหัสบดีที่ 27 เมษายน พ.ศ. 2566

เป็นไปได้หรือนี่ ต้นไม้ที่ถูกฉีดพิษเพื่อให้กลายเป็นไม้ที่มีราคาแพงที่สุดในโลก

เป็นไปได้หรือนี่ ต้นไม้ที่ถูกฉีดพิษเพื่อให้กลายเป็นไม้ที่มีราคาแพงที่สุดในโลก

มาเจอบทความนี้ก็ขอบอกเลยว่ามันเป็นเวรกรรมของต้นไม้จริงๆอยู่ดีๆมนุษย์ก็เอาพิษมาฉีดใส่ต้นไม้เพื่อให้ต้นไม้ผลิตสิ่งที่มนุษย์ต้องการ คือ ยางไม้ต้นไม้ต้น นี้ครับไม่ต่างกับต้นกฤษณา ทำไปเพื่อต้องการยางหอมๆไว้ใช้งานของมนุษย์นั่นเอง

แต่ก็ไม่รู้นะครับว่าผลเสียมีไหมสำหรับมนุษย์ที่ต้องการผลผลิตโดยการฉีดสารพิษลงไปในต้นไม้เพื่อให้ต้นไม้กระตุ้นผลิตยางไม้หอมออกมาไม่อยากจะพูดอะไรมากมายเรามาเข้าบทความนี้กันเลยดีกว่านะครับ

👉🏿ภาพถุงที่ห้อยระโยงระยางตามกิ่งไม้ขอบอกก่อนเลยนะครับว่ามันไม่ใช่ถุงฉี่เอามาแขวนแน่นอน😂

เมื่อเร็ว ๆ นี้ ภาพถ่ายที่แสดงให้เห็นถุงน้ำเกลือขนาดใหญ่ที่เต็มไปด้วยของเหลวที่ดูน่าสงสัยถูกห้อยอยู่บนต้นไม้จนกลายเป็นไวรัลอย่างรวดเร็วบนโซเชียลมีเดียของจีน กระตุ้นต่อมความสงสัยของชาวเน็ตมากมายว่ามันคืออะไรแน่

บางคนคิดว่ามันคือ ‘งานศิลปะ’ ที่ถูกสื่อออกมาเพื่อปลุกจิตสำนึกเกี่ยวกับการตัดไม้ทำลายป่า หรือมลพิษที่มนุษย์สร้างขึ้นจนทำลายพืชพันธุ์ตามธรรมชาติ ในขณะที่คนอื่น ๆ เชื่อว่ามันเป็นวิธีที่ถูกออกแบบมาเพื่อดูแลต้นไม้จากเชื้อราหรือปรสิต และบางคนก็เชื่อว่ามันอาจเป็นการก่อกวนของใครบางคน และถุงที่เห็นอยู่นั้นอาจเป็นปัสสาวะก็เป็นได้

แต่ทฤษฎีที่กล่าวมาข้างต้นนั้นผิดทั้งหมด

ภาพถ่ายดังกล่าวถูกโพสต์ครั้งแรกในกลุ่มเฟสบุ๊กที่ชื่อว่า Road Observation Academy ทั้งสองภาพแสดงให้เห็นว่ามีถุงน้ำเกลือจำนวนมากห้อยมาจากกิ่งก้านของต้นไม้ และมีสายยางสีเขียวที่มีเข็มขนาดใหญ่เจาะเข้าไปในลำต้นของต้นไม้

จากรายงานระบุว่า ของเหลวดังกล่าวไม่ใช่การดูแลรักษาต้นไม้ แต่มันเป็นพิษที่ถูกออกแบบมาเพื่อกระตุ้นกลไกการป้องกันตัวของต้นไม้ เพื่อสร้างมันให้กลายเป็น ‘ไม้ที่แพงที่สุดในโลก’

และนั่นคือ คีนัม (Kinam, Kynam) หรือ คิอาระ (Kyara) ในภาษาญี่ปุ่น คือไม้กฤษณาหรือไม้หอมชนิดหนึ่งที่มีความหายากมาก โดยถูกนำมาใช้ในอุตสาหกรรมน้ำหอมและธูปหอมเนื่องจากมันมีกลิ่นที่เป็นเอกลักษณ์และมีความหอมที่รุนแรงมาก และมันคือไม้ที่มีราคาแพงที่สุดในโลก

ถึงแม้ว่าไม้กฤษณาจะมีราคาแพงอยู่แล้ว แต่ไม่อาจเทียบได้กับไม้กฤษณาที่กลายเป็นคีนัม ซึ่งกุญแจสำคัญของไม้ที่จะกลายเป็นคีนัมคือ “น้ำมัน” ที่ถูกผลิตออกมาภายในเนื้อไม้ของต้นกฤษณา ซึ่งการที่ต้นกฤษณาจะผลิตน้ำมันออกมาก็ขึ้นอยู่กับสภาพแวดล้อมที่ไม่ปกติ

หนึ่งในทฤษฎีที่เชื่อกันมากที่สุดคือ เมื่อต้นไม้เกิดภัยคุกคาม อันตราย ความเครียด เช่น การถูกฟ้าผ่า ถูกแมลงรุกราน การได้รับความเสียหายจากสัตว์ใหญ่ หรือการติดเชื้อราบางชนิด เนื้อไม้กฤษณาก็จะผลิตน้ำมันนี้ออกมาจนทำให้มันกลายเป็นคีนัมในที่สุด

ดังนั้น วิธีการในภาพเหล่านี้คือการฉีดพิษเข้าไปในต้นไม้เพื่อให้พวกมันผลิตน้ำมันออกมาในเนื้อไม้ จนกลายเป็นไม้ที่มีราคาแพงที่สุดในโลก

อย่างไรก็ตาม ไม้กฤษณาจากสวนก็ยังไม่อาจมีราคาแพงเท่ากับไม้กฤษณาที่มาจากป่าซึ่งมีราคาแพงกว่ามาก เพราะบางครั้งต้นไม้ป่าเหล่านี้มีอายุหลายร้อยปี

อลัน มาฮาฟฟีย์ พ่อค้าไม้กฤษณากล่าวกับอัลจาซีราว่า “มันเป็นไม้ที่หายากที่สุดในโลก หายากยิ่งกว่าไททาเนียม ยูเรเนียม แพลตตินัม หรือเพชร มันอาจมีราคาสูงถึง 10,000 ดอลลาร์ (ราว 3.2 แสนบาท) สำหรับน้ำหนักแค่ 1 กรัมเท่านั้น”

ส่วนไม้คีนัมที่ใหญ่ที่สุดของมาฮาฟฟีย์เป็นไม้อายุ 600 ปี และมีน้ำหนัก 16 กิโลกรัม เขาใช้เวลา 5 ปีในการค้นหาและขายมันไปได้ในราคา 20 ล้านดอลลาร์หรือประมาณ 640 ล้านบาทในปี 2016 หลังจากนั้นความต้องการและราคาไม้กฤษณาคุณภาพสูงก็เติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว

ส่วนวิธีการฉีดพิษเข้าไปในเนื้อไม้กฤษณายังไม่มีรายงานว่ามันจะให้ผลลัพธ์ที่ออกมาอย่างที่คาดหวังได้หรือไม่

แต่ถ้าเขาทดลองสำเร็จมันก็คุ้มนะครับแต่ไม่รู้ว่าจะมีผลเสียหรือเปล่าอย่างเช่นเมื่อไปจุดแล้วหรือว่าผสมน้ำหอมแล้วจะมีพิษต่อมนุษย์หรือเปล่าก็ไม่รู้นะครับลองดูกันต่อไป

สุดท้ายนี้ก็มีคลิปมาประกอบบทความอีกตามเคยลองดูลองชมคลิปดูด้วยนะครับไม่เสียหายอะไรเป็นความรู้

 

วันพุธที่ 26 เมษายน พ.ศ. 2566

บริษัทนอร์เวย์เปลี่ยนผืนทรายให้เป็นผืนดินปลูกพืชได้ในเวลาไม่กี่ชั่วโมง

บริษัทนอร์เวย์เปลี่ยนผืนทรายให้เป็นผืนดินปลูกพืชได้ในเวลาไม่กี่ชั่วโมง

ต้องขอบอกว่ามันเป็นไปได้อย่างไรพระเจ้าช่วยกล้วยทอดแม้แต่นั่งขอภาวนาให้พระเจ้าทำให้ทรายกลายเป็นดินก็ยังทำไม่ได้

แต่นี้ บริษัทนอร์เวย์เปลี่ยนผืนทรายให้เป็นผืนดินปลูกพืชได้ในเวลาไม่กี่ชั่วโมง
Desert Control บริษัทสตาร์ตอัปสัญชาตินอร์เวย์อ้างว่า พวกเขาสามารถต่อสู้กับ ‘การกลายสภาพเป็นทะเลทราย’ ได้อย่างมีประสิทธิภาพด้วยการฉีดพ่นทรายด้วย Liquid NanoClay (LNC) และเปลี่ยนมันให้กลายเป็นดินภายในเวลาไม่กี่ชั่วโมงเท่านั้น

ในอดีตที่ผ่านมา มีผู้คนจำนวนหนึ่งที่เสียสละตนเองด้วยการใช้ชีวิตทุ่มเทเปลี่ยนพื้นที่ทะเลทรายให้กลายเป็นผืนป่าที่อุดมสมบูรณ์ ซึ่งนั่นอาจใช้เวลานานหลายปี แต่ตอนนี้ Desert Control มีวิธีที่ได้ผลลัพธ์ที่ดีกว่ามากเมื่อต้องเผชิญกับสภาพแวดล้อมที่เป็นทะเลทรายเช่นเดียวกัน

Liquid NanoClay หรือ LNC ถูกคิดค้นขึ้นในช่วงต้นทศวรรษ 2000 โดยนักวิทยาศาสตร์ชาวนอร์เวย์ คริสเตียน โอลเซน ซึ่งถือเป็นความลับเบื้องหลังความสำเร็จอันน่าทึ่งของพวกเขา เพราะเมื่อทำการฉีดพ่น LNC ลงบนทราย มันจะค่อย ๆ แทรกซึมลงไปและทำให้ทรายกลายเป็นดินที่สามารถเก็บกักน้ำ จนทำให้พืชพันธุ์ต่าง ๆ สามารถเจริญงอกงามได้

อย่างที่เราทราบกันดีว่า พื้นทรายหรือดินทราย ไม่เหมาะกับการเจริญเติบโตของพืชพันธุ์ใด ๆ เนื่องจากมันมีช่องว่างระหว่างกันมากจนไม่สามารถอุ้มน้ำได้ เมื่อเกิดฝนตก น้ำก็จะไหลผ่านลงไปอย่างรวดเร็ว และทรายเหล่านี้ก็ไม่ดูดซับธาตุอาหารอีกด้วย

ซึ่งทาง Desert Control สามารถเอาชนะอุปสรรคนี้ด้วยการทำให้สเปรย์อนุภาคดิน LNC ที่มีขนาดเล็กที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ถึงแม้จะฟังดูแฟนตาซี แต่สเปรย์ของพวกเขาทำมาจากแค่น้ำและดินเหนียวเท่านั้น

ความลับของพวกเขาคือความสามารถเปลี่ยนดินเหนียวให้กลายเป็นของเหลวจน ‘เบาบางเกือบเท่านั้น’ แล้วพ่นลงบนทราย เพื่อให้มันซึมผ่านชั้นบนสุดลงไปหลายสิบเซนติเมตร

จากนั้น ดินเหนียวจะเกาะกับอนุภาคทรายและก่อตัวเป็นดินที่เก็บความชื้นได้ ถึงแม้มันจะไม่อุดมสมบูรณ์เท่ากับดินดำ แต่มันก็๋สามารถทำให้พืชพันธุ์รอดชีวิตได้อย่างแน่นอน

ขณะนี้ Desert Control มีเป้าหมายในสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ประเทศที่ร่ำรวยแห่งนี้นำเข้าอาหารประมาณ 90% เนื่องจากพวกเขาไม่สามารถเพาะปลูกบนสภาพแวดล้อมที่เป็นทะเลทรายได้ และการฉีดพ่น LNC จะเป็นทางออกที่ยอดเยี่ยมสำหรับการเปลี่ยนพื้นที่ทะลเทรายให้กับเป็นดิน แต่มันก็ยังมีข้อจำกัดด้านราคาอยู่

CNN รายงานว่า ค่าใช้จ่ายสำหรับสเปรย์ LNC ตกอยู่ที่ประมาณ 2-5 เหรียญ (ประมาณ 76-190 บาท) ต่อตารางเมตร ซึ่งมันไม่ถูกเลยเมื่อพิจารณาจากพื้นที่อันกว้างใหญ่ที่ต้องใช้การฟื้นฟูด้วย LNC

อย่างไรก็ตาม Desert Control วางแผนที่จะเพิ่มกำลังการผลิต LNC ในปริมาณมาก เพื่อให้พวกเขาสามารถลดต้นทุนในการผลิตได้

อิสมาฮาเน เอลูอาฟี ผู้อำนวยการทั่วไปของศูนย์การเกษตรนานาชาติของดูไบ กล่าวว่า “ถ้ามันมีราคาถูกลงก็จะทำให้ประเทศที่มีรายได้ต่ำสามารถเข้าถึงได้ และก็อาจส่งผลอย่างมหาศาลต่อความมั่นคงด้านอาหารและความสามารถในการผลิตอาหารของหลาย ๆ ประเทศที่สามารถเพาะปลูกได้ด้วยตัวเอง มันจะเป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่มาก”

ข้อเสียเพียงอย่างเดียวคือ ผลของการฉีดพ่น LNC จะคงอยู่ได้ประมาณ 5 ปีเท่านั้น หลังจากนั้นพื้นที่ดังกล่าวจะต้องได้รับการฉีดพ่นเพิ่มเติม เพราะมันไม่ได้คงอยู่ถาวร ซึ่งนั่นหมายความว่า มันคือค่าใช้จ่ายที่ต้องเกิดขึ้นตลอดไป

แต่ก็อาจคุ้มค่ากับผลพลอยได้จากการเพาะปลูก ที่เปลี่ยนจากพื้นทรายที่ไร้ประโยชน์ให้กลายเป็นพื้นที่เกษตรกรรมได้

ขอบอกเลยว่ามันเป็นความคิดที่

เยี่ยมยอดมากๆที่มนุษย์สามารถเอาชนะธรรมชาติได้การเปลี่ยนทรายให้เป็นดินและปลูกต้นไม้เท่ากับเราเพิ่มพื้นที่สีเขียวและเพิ่มออกซิเจนโดยการปลูกต้นไม้ในทะเลทรายอันเวิ้งว้างร้อนแรงจะกลายเป็นป่าดงดิบในอนาคต... ถึงแม้ว่ามันจะมีค่าใช้จ่ายแพงแต่มันก็ยังทำให้มีความหวังให้ทะเลทรายกลายเป็นสีเขียวได้

เพื่ออ้างอิงข้อมูลขอนำคลิปมาประกอบบทความนี้ด้วยนะครับเพราะว่าข้อมูลทุกอย่างต้องมีที่มาที่ไปถึงแม้จะบทความแปลมาก็ตาม 

รายการบล็อกของฉัน