ค้นหา

บทความที่ได้รับความนิยม

Wikipedia

ผลการค้นหา

วันพฤหัสบดีที่ 2 มิถุนายน พ.ศ. 2559

ละมุดยักษ์มาเลย์

เปรียบเทียบกระป๋องนมกับละมุดยักษ์มาเลย์
ละมุดยักษ์มาเลย์" คือ ซีเอ็ม.19
จำนวนมากที่ชื่นชอบปลูกไม้ผลกินได้ โดยเฉพาะละมุด สงสัยว่า "ละมุดยักษ์มาเลย์" คือละมุดอะไร ซึ่งความจริงแล้ว ละมุดดังกล่าวก็คือ "ละมุด ซีเอ็ม.19" ที่เคยแนะนำในคอลัมน์ไปแล้ว เป็นละมุดของประเทศมาเลเซีย ที่ "สถาบันวิจัยและพัฒนา การเกษตรมาเลเซีย" หรือ (MARDI) ได้ใช้ความพยายามนานถึง 12 ปี ทำการวิจัยและพัฒนาสายพันธุ์ ละมุดชนิดต่างๆ จำนวนกว่า 30 สายพันธุ์ จนในที่สุดก็ได้พันธุ์ "ซีเอ็ม.19" หรือ "ละมุดยักษ์มาเลย์" มี ชื่อเฉพาะว่า (CIRA MEGA) มีลักษณะพิเศษคือ

*ผล มีขนาดใหญ่มาก เมื่อผลโตเต็มที่มีน้ำหนักเฉลี่ยถึง 594 กรัมต่อผล เนื้อผลมีรสชาติหวานหอมอร่อยมาก ไม่เละแม้เนื้อจะสุกเต็มที่ และ เปลือกผลสามารถรับประทานได้พร้อมกับเนื้อไม่ต้องเสียเวลาปอกเปลือก รสชาติยังคงหวานหอม ไม่มีรสขมหรือฝาดเจือปนเลย จึงทำให้ "ละมุดยักษ์ มาเลย์" เป็นที่นิยมปลูกและนิยมรับประทานอย่างกว้าง
ขวางในประเทศไทยเวลานี้ เนื่องจากเป็นละมุดที่มีผลดก ปลูกแล้วคุ้มค่า ทั้งปลูกเก็บผลรับประทานในครัวเรือนและปลูกหลายๆต้นเพื่อเก็บผลขาย

*อย่างไรก็ตาม มีผู้ปลูกจำนวนมากแยกแยะไม่ออกระหว่าง "ละมุดยักษ์มาเลย์" กับละมุดสาลี่เวียดนาม เพราะมีลักษณะผลและขนาดใกล้เคียงกันมาก จึงขอชี้ข้อแตกต่างให้ทราบดังนี้คือ ขอบใบของ "ละมุดยักษ์มาเลย์" จะเรียบ ส่วนของเวียดนามเป็นคลื่น เมล็ดของ "ละมุดยักษ์ มาเลย์" มี 1 เมล็ด ต่อ 1 ผล ของเวียดนามมี 2-4 เมล็ดต่อผล ผลของละมุดเวียดนามค่อนข้างกลม ส่วนผลของ "ละมุดยักษ์ มาเลย์" มี 2 รูปแบบคือ รูปกลม แต่จะมีขนาดใหญ่กว่า และรูปรีต่างกันชัดเจน ที่สำคัญเนื้อของ "ละมุดยักษ์มาเลย์" จะมีความละเอียดกว่า ไม่เป็นทราย รสหวานจัดมาก หากนำผลสุกเก็บในตู้เย็นจะเก็บได้นานกว่า 10 วัน รสชาติยังเหมือนเดิม

*ละมุดยักษ์มาเลย์ เป็นไม้ ยืนต้น สูง 3-5 เมตร แตกกิ่งก้านแน่น ปลูกได้ในดินทั่วไปของประเทศไทย เป็นสายพันธุ์ที่ทนต่อความแห้งแล้งดีมาก ติดผลดกทั้งต้น ในหนึ่งต้นจะมีผล 2 รูปทรงคือ กลม และกลมรี หลังปลูก 3-4 ปี จะติดผลชุดแรก และติดผลดกสม่ำเสมอ นิยมขยายพันธุ์ด้วยเมล็ดและเสียบยอด

สับปะรดไต้หวัน


สับปะรดไต้หวัน” หวานกรอบกินได้ทั้งแกน

สับปะรดชนิดนี้ มีต้นวางขาย มีภาพถ่ายผลจากต้นจริงแขวนโชว์ให้ชมด้วย โดยผู้ขายบอกว่าเป็นสับปะรด นำเข้าจากประเทศไต้หวัน นานกว่า 3–4 ปีแล้ว สามารถปลูกเจริญเติบโต และติดผลได้ดีในทุกสภาพอากาศในประเทศไทยบ้านเรา 

และผู้ขายบอกต่อว่า “สับปะรดไต้หวัน” มีข้อโดดเด่นประจำพันธุ์ คือ ปลูกแล้วติดผลได้ง่ายกว่าสับปะรดสายพันธุ์อื่น ขนาดของผลไม่ใหญ่โตนัก รูปทรงของผลกลมป้อมไม่รียาวเหมือนกับผลของสับปะรดทั่วไป รสชาติขณะสุกจะหวาน กรอบ สามารถรับประทานได้เลยทั้งแกนไม่ต้องเฉือนทิ้งให้เสียของ แกนไม่แข็งอร่อยมาก ผลแก่แต่ยังไม่ถึงสุก ไม่ต้องใช้มีดปอกเปลือกใช้มือฉีกเอาเนื้อกินได้ง่ายๆ เนื่องจากตาจะห่างไม่ถี่และตาไม่ลึก รสชาติช่วงนี้จะเปรี้ยวปนหวาน ปรุง เป็นแกงสับปะรดใส่กุ้งสดสุดยอดมาก

สับปะรดไต้หวัน ผู้ขายบอกว่ามีชื่อวิทยาศาสตร์และลักษณะทางพฤกษศาสตร์ เหมือนกับสับปะรดทั่วไปทุกอย่าง คือ PINEAPPLE–ANANAS COMOSUS (L.) MERR อยู่ในวงศ์ BROMELIA CEAE เป็นไม้ล้มลุก อายุหลายปี สูง 90-100 ซม. มีลำต้นอยู่ใต้ดิน ใบเป็นใบเดี่ยว ออกเรียงสลับซ้อนกันถี่มากรอบลำต้น ใบกว้างประมาณ 6.5 ซม. ยาวได้ถึง 1 เมตร ไม่มีก้านใบ ขอบใบจักเป็นฟันเลื่อย เนื้อใบหนาแข็ง ดอก ออกเป็นช่อแทงขึ้นจากกลางลำต้น มีดอกย่อยหลายดอก “ผล” เป็นผลรวม

รูปกลมป้อม มีใบเป็นกระจุกที่บริเวณปลายหัวของผล รสชาติผลสุกหวานกรอบกินได้ทั้งแกนผลตามที่กล่าวข้างต้น อร่อยมาก ขยายพันธุ์ด้วยจุกที่ตัดจากส่วนหัวของผล

วันพุธที่ 1 มิถุนายน พ.ศ. 2559

มะม่วงงาช้างแดง

มะม่วงงาช้างแดง
มะม่วงงาช้างแดงมะม่วงชนิดนี้
ได้รับความนิยมปลูกอย่างแพร่หลาย สังเกตได้จากผู้ขยายพันธุ์ตอนกิ่งขายกี่รุ่นก็หมดเกลี้ยงไม่พอต่อความต้องการของผู้ปลูก เรียกว่าดังไม่เลิก 

มะม่วงงาช้างแดง มีถิ่นกำเนิด จากประเทศไต้หวัน นิยมปลูกเพื่อเก็บผลรับประทานและเก็บผลขายเป็นสินค้าทั่วไปใน ประเทศจีน ประเทศอียิปต์ และ ประเทศไต้หวัน มาช้านานแล้ว ซึ่ง “มะม่วงงาช้างแดง” มีข้อเด่นคือ ผลมีขนาดใหญ่โตเต็มที่น้ำหนัก 3.5-4.2 กก. รูปทรงของผลยาวและงอนคล้ายงาช้าง จึงถูกตั้งชื่อว่า “มะม่วงงาช้างแดง” เพราะสีผลขณะดิบเป็นสีเขียวอมม่วง
จะเปลี่ยนเป็นสีแดงเข้มทั้งผล เมื่อผลสุกดูสวยงามมาก
เปรียบเทียบขวดน้ำกับลูกมะม่วงงาช้างแดง
ผลอ่อน เปรี้ยวเล็กน้อย แก่จัดหวานมันเหมือนมะม่วงเขียวเสวย ผลสุกเนื้อในเป็นสีเหลืองอมส้ม รสหวานไม่เละ ความหวานวัดได้ 15–18 องศาบริกซ์ ไม่มีกลิ่นขี้ไต้ รับประทานอร่อยมาก เมล็ดเล็ก ผลแก่จัดหรือสุกในช่วงที่มะม่วงสายพันธุ์อื่นวายจากตลาดผลไม้แล้ว จึงทำให้เก็บผลขายได้ราคาดี ติดผลเป็นพวง 5-7 ผล ติดผลตลอดปี หรือทวาย ให้ผลผลิตหลังปลูกเพียง 2-3 ปี ต้นสูง 2.5-3 เมตร เพราะเป็นพันธุ์ที่แตกกิ่งก้านกว้างทางด้านข้าง ทำให้เก็บผลรับประทานหรือขายได้สะดวก ขยายพันธุ์ด้วยการเสียบยอดกับตอมะม่วงพื้น
เมือง

กล้วยน้ำว้ายักษ์

กล้วยน้ำว้ายักษ์
กล้วยน้ำว้ายักษ์ ของแท้ น่าปลูกมากๆ แถมตลาดต้องการสูง
กล้วยเป็นผลไม้ที่ไม่ธรรมดา ยิ่งเป็นกล้วยน้ำว้ายิ่งมีคนต้องการ เพราะเหมาะที่จะนำไปทำขนม ประกอบพิธีการต่างๆ ได้ แถมมีคุณค่าและประโยชน์ทางโภชนาการสูงอีกด้วย

แต่ว่ากล้วยน้ำว้าบ้านเราทั่วไปนั้นจะดูธรรมดาไปเลย ถ้าหากคุณได้พบกับ กล้วยน้ำว้ายักษ์พันธุ์นี้ เพราะนี่เป็นอีกหนึ่งพืชเศษรฐกิจที่น่าจับตามองน่าปลูกมากๆ ครับ เพราะตลาดมีความต้องสูงเลยทีเดียว

กล้วยน้ำว้ายักษ์พันธุ์นี้ มีเจ้าของชื่อว่าคุณพัชนี ตุษยะเดช โดยเธอบอกว่า ไปเจอกล้วยน้ำว้ายักษ์จากสวนของ ครูลออ ดอกเรียง ที่อำเภอไทรโยค จังหวัดกาญจนบุรี เมื่อได้ชิมก็ประทับใจในรสชาติ และขนาดที่ใหญ่มากๆ ครูลออจึงได้มอบบพันธุ์กล้วยให้คุณพัชนีไปเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ เพื่อปลูกขยายพันธุ์เชิงการค้า และได้เรียกชื่อ ให้จำได้ง่ายว่า“กล้วยน้ำว้ายักษ์”

กล้วยพันธุ์นี้มีทุกอย่างเหมือนกับกล้วยน้ำว้าพันธุ์มะลิอ่อง แต่เพียงแค่มันมีขนาดที่ใหญ่กว่ามากเท่านั้น ไม่ว่าจะเป็นรสชาติหรือเนื้อในก็มีคุณภาพใกล้เคียงกัน  กล้วยน้ำว้ายักษ์มีขนาดผลยาว 6 นิ้ว ส่วนรอบวง กว้าง 8 นิ้ว  และมีน้ำหนักประมาณ 3 ขีด ซึ่งถือว่าใหญ่มากๆ ในหนึ่งหวี มีผลอยู่ราว 13-14 ผล  ก็ตกหวีละ 3-4 กิโลกรัม ในหนึ่งเครือมีไม่ต่ำกว่า 10 หวีขึ้นไป ทำให้น้ำหนักทั้งเครือนั้นอยู่ที่ ราว 45-50 กิโลกรัม นึกภาพตามน่ะครับว่าใหญ่แค่ไหน และด้วยขนาดใหญ่ยักษ์ของมันจึงทำให้เป็นที่ต้องการของตลาดมาก มีเท่าไหร่ก็ขายไม่หมดคุณพัชนีบอก

นอกจากนี้กล้วยน้ำว้ายักษ์ยังมีขนาดของลำต้นและใบที่ใหญ่มาก ต้นนั้นสูงประมาณ 5 เมตร รอบโคนประมาณ  1.3-1.5 เมตร ใบตองมีขนาดใหญ่ ลักษณะเหมือนใบตองกล้วยตานี แต่ว่าสีไม่เขียวเข้มเท่า ด้วยใบขนาดใหญ่จึงเหมาะที่จะตัดขาย ใช้ทำงานประดิษฐ์ ห่อขนม หรือกระทงต่างๆ ได้เป็นอย่างดีอีกด้วย

ส่วนการปลูกนั้น สามารถปลูกได้ทุกพื้นที่ แต่ถ้าให้ดีเป็นพื้นที่ที่มีแหล่งน้ำสมบูรณ์ เจ้าของจะเหมือนถูกหวยเลยทีเดียว เพราะจะให้ผลผลิตที่สุดยอดใหญ่ยักษ์ ปลูกในหลุมขุดขนาด 70x70x70 ซม. ระยะห่างระหว่างต้นประมาณ 6 เมตร ต้นพันธุ์จะใช้การเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ
หรือหน่อพันธุ์ก็ได้ แต่ควรขุดหลุมปลูกให้ลึกเพราะต้นกล้วยมีขนาดใหญ่และสูง หากหลุมตื้นเกินไปอาจจะล้มได้ง่าย ส่วนการดูแลและเจริญเติบโตก็เหมือนกับกล้วยน้ำว้าทั่วไปครับ

กล้วยพันธุ์นี้มีความต้องการทางตลาดสูง เพราะมีผลขนาดใหญ่ คุณพัชรีเองบอกด้วยว่าขายดีมากมีเท่าไหร่ก็ไม่พอนี่จึงเป็นอีกหนึ่งทางเลือกสำหรับการปลูกพืชเกษตรที่น่าสนใจสำหรับพี่น้องเกษตรกรทั้งหลาย

วันอังคารที่ 31 พฤษภาคม พ.ศ. 2559

ประโยชน์ของ“น้ำหยวกกล้วย”


ประโยชน์ของต้นกล้วย คุณ รู้หรือไม่ “น้ำหยวกกล้วย” 
มีประโยชน์มากกว่าที่คุณคิด
           
ในเมืองไทยเรานั้นมีสมุนไพรดีๆหลายอย่าง โดยสมุนไพรเหล่านั้นสามารถนำมาใช้รักษาโรคได้หลากหลายหรือนำไปผลิตเป็นยา รักษาอาการป่วยได้อย่างมากมาย วันนี้ Zoomhua เลยอยากจะขอแชร์ยาสมุนไพรดีๆอีกตัวหนึ่งที่ใช้รักษา อาการปวดท้องให้หายได้ ที่สำคัญมาจากธรรมชาติ 100% นั่นก็คือ น้ำจากต้นกล้วย นั่นเอง!! โดยเรื่องนี้ถูกแชร์โดยคุณ ‎ลุงฟาง ไร่แร้งคอย‎ซึ่งได้โพสต์ว่า
กินอาหารทะเลมากไปหน่อย ปวดท้องนิดๆ ต้องไปเอายาแก้ปวดท้องจากธรรมชาติ คือ น้ำจากต้นกล้วย ช้อนเดียวอาการหายสนิทเลย
     
เป็นอีกตัวช่วยหนึ่งสำหรับท่านใดที่มีอาการท้องเสียอยู่บ่อยๆ เพราะในต้นกล้วยมีสารที่เรียกว่า แทนนิน ซึ่งแทนนิน (อังกฤษ: tannin) เป็นสารที่มีโมเลกุลใหญ่และโครงสร้างซับซ้อน มีสถานะเป็นกรดอ่อนรสฝาด เป็นสารให้ความฝาดในพืช พบได้ในพืชหลายชนิด 
แทนนิน มี 2 ชนิด คือ 

คอนเดนส์แทนนิน (condensed tannins) หรือเรียกอีกอย่างว่า โปรแอนโทรไซยานิน (proanthrocyanin) พบได้ในส่วนเปลือกต้น และแก่นไม้เป็นส่วนใหญ่ 
และ สารไฮโดรไลซ์แทนนิน (hydrolysable tannins) คือแบบที่สามารถถูกแยกออกเป็นโมเลกุลเล็กๆ ได้ พบมากในส่วนใบ ฝัก และส่วนที่ปูดออกมาจากปกติ 
เมื่อต้นไม้ได้รับอันตราย (gall) แทนนิน มีคุณสมบัติตกตะกอนโปรตีน ทำให้หนังสัตว์ไม่เน่าเปื่อย จึงมีการใช้ในอุตสาหกรรมฟอกหนังด้วย แทนนินมีฤทธิ์ฝาดสมาน จึงใช้เป็นยารักษาโรคท้องเสียได้ แทนนินมีฤทธิ์ยับยั้งการเจริญของแบคทีเรียได้
     
แต่แทนนินมีฤทธิ์ในการยับยั้งการทำงานของเอนไซม์ในกระเพาะอาหาร หากกินเข้าไปมากจะทำให้รู้สึกท้องอืด หรือท้องผูก มีอาการเหมือนกับการดื่มน้ำชา


วันอาทิตย์ที่ 29 พฤษภาคม พ.ศ. 2559

เคราฤาษี


ชื่อวิทยาศาสตร์ : Tillansia usenoides L.
ชื่อวงศ์ : Usnea
ชื่อสามัญ : Spanish Moss
ลักษณะ
         
ต้น หนวดฤาษี หรือ เคราฤาษี มีต้นเป็นสีเขียวเทา ลักษณะใบเป็นเส้น ๆ ห้อยลงสู่พื้น คล้ายหนวดฤาษี สามารถออกดอกได้แต่ดอกจะเล็กมาก และมีอายุเพียง 2-3 วันเท่านั้น

ประโยชน์ 
มี ไว้ประดับเพื่อความสวยงาม แต่ทั้งนี้หนวดฤาษีอยู่ได้ด้วยการกินอาหารในอากาศ จึงเชื่อกันว่าอาจช่วยดักมลพิษที่มากับอากาศได้ด้วย โดยปลูกด้วยการใส่กระถางแล้วนำไปแขวนไว้ตามจุดต่าง ๆ

การดูแลรักษา
           
ดูแล ค่อนข้างง่าย ไม่ต้องใส่ปุ๋ยหรือดูแลรักษามากนัก เพราะรากที่มีของต้นหนวดฤาษีนั้นมีไว้เพียงเพื่อยึดเกาะเท่านั้น แต่ไม่ใช่ตัวนำทางอาหารเหมือนต้นไม้อื่น ๆ โดยต้นหนวดฤาษีสามารถอยู่ได้ด้วยการกินอาหารในอากาศ หรือเรียกง่าย ๆ ว่า เป็นต้นไม้ตระกูลวัชพืชที่สามารถดูแลตัวเองได้นั่นเอง แต่ถ้าอยากใส่ปุ๋ยให้เจริญงอกงามก็สามารถทำได้ด้วยการพรมละอองปุ๋ยใส่สัก เดือนละครั้ง

รายการบล็อกของฉัน