ค้นหา

บทความที่ได้รับความนิยม

Wikipedia

ผลการค้นหา

วันพฤหัสบดีที่ 23 กันยายน พ.ศ. 2564

น้อยโหน่ง

น้อยโหน่ง
ค้นหา
น้อยโหน่ง ( Bullock’s-heart) ผลไม้ชนิดหนึ่ง มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Annona reticulata อยู่ในวงศ์กระดังงา สกุลเดียวกับ น้อยหน่า (A. squamosa) เป็นไม้พุ่มขนาดเล็กถึงขนาดกลาง มีดอกคล้ายดอกของน้อยหน่า แต่ผลมีขนาดโตกว่า เปลือกบางแต่เหนียว ค่อนข้างเรียบ ไม่นูนเป็นตา ๆ สีเขียวจาง ๆ ปนสีแดงเรื่อ ๆ
ความสูงของลำตัวประมาณ 5-8 เมตร ใบเป็นใบเดี่ยว ออกเรียงสลับ เป็นรูปขอบขนานแกมรูปใบหอก หรือใบประกอบแบบขนนกออกเรียงสลับเป็นรูปใบหอก ปลายและโคนใบแหลมสีเขียวสด ปลูกได้ในดินทั่วไป
เนื้อในผลหนาสีขาว รสชาติหวานแต่ไม่เท่าน้อยหน่า มีเมล็ดมาก มีคุณค่าทางอาหาร คือ วิตามินเอมากกว่าน้อยหน่า 

นอกจากนี้แล้วยังมีสรรพคุณทางยา คือ ผลทั้งดิบและสุกแก้ท้องร่วง โรคบิด โรคซาง ลมจุกเสียด แก้พยาธิในท้อง และพยาธิผิวหนัง, รากใช้แก้เหงือกบวม รักษาโรคเรื้อน เปลือกและต้นแก้บิด ท้องเสีย เป็นยาห้ามเลือดและสมานแผล, ใบใช้ฆ่าพยาธิผิวหนัง แก้บวมและฟกช้ำ เมล็ดใช้เป็นยาสมานแผล นอกจากนี้แล้วทั้งผลดิบและใบสดยังสามารถใช้ต้มเอาน้ำทำเป็นสีย้อมผ้าให้สีดำและสีน้ำเงินที่สวยงามและติดทนนานอีกด้วย
น้อยโหน่ง จะนิยมรับประทานน้อยกว่าน้อยหน่าเนื่องจากผลมีกลิ่นฉุน ยังมีชื่อเรียกต่างกันไปตามภาษาถิ่นในแต่ละภาคอีกด้วย เช่น มะโหน่ง หรือ มะเนียงแฮ้ง (ภาคเหนือ), น้อยหนัง (ภาคใต้) เป็นต้น
ทั้งน้อยโหน่งและน้อยหน่า เป็นพืชพื้นเมืองของภูมิภาคอเมริกากลาง เชื่อว่าถูกเข้านำมาครั้งแรกในสมัยอยุธยา แต่ปัจจุบัน สามารถพบน้อยโหน่งและน้อยหน่าได้ทั่วไปทั้งในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้, ไต้หวัน, อินเดีย, ออสเตรเลีย และแอฟริกาตะวันตก


สตาร์แอปเปิ้ล

สตาร์แอปเปิ้ล

ค้นหา ผลไม้ยอดนิยมแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
ลูกน้ำนม หรือสตาร์แอปเปิ้ล (Star apple) มีชื่อเรียกแตกต่างกันไปตามแต่ละท้องถิ่น เป็นสายพันธุ์พืชพื้นเมืองของฟิลิปปินส์ ไทย เวียดนาม กัมพูชา ผลทรงกลม เปลือกม่วง เนื้อสีขาวอมม่วง รสหวานหอม เมล็ดสีน้ำตาลอ่อน เมล็ดแบนสีดำเป็นมันวาว มี 1 – 5 เมล็ด 

นิยมทานเป็นผลไม้สด
ผลของสตาร์แอปเปิ้ล มีสารต้านอนุมูลอิสระ เปลือกต้นเป็นยาบำรุงและยาชูกำลัง ยาต้มจากเปลือกใช้เป็นยาแก้ไอ
สตาร์แอปเปิ้ล เป็นไม้ยืนต้น สูง 10-15 เมตร แตกกิ่งก้านเป็นรูปทรงร่ม เปลือกต้นสีน้ำตาลเข้ม แตกเป็นร่องตามยาว ใบเป็นใบเดี่ยว ออกเรียงสลับ  ผิวใบมีขนละเอียดกระจายทั่ว หน้าใบเป็นสีเขียว หลังใบเป็นสีน้ำตาลแดง
(Star apple)

เปิด 5 ตำนานป่าอาถรรพ์ชวนสยองขวัญจากทั่วโลก

🌿เปิด 5 ตำนานป่าอาถรรพ์ชวนสยองขวัญจากทั่วโลก

ค้นหา เมื่อพูดถึงป่าไม้แล้ว คนเราก็มักจะนึกถึงสถานที่เขียวชอุ่ม รายล้อมไปด้วยธรรมชาติและอากาศแสนบริสุทธิ์ซึ่งเป็นที่อยู่ของบรรดาสัตว์ป่าน้อยใหญ่มากมายในแวบแรก แต่ในแวบต่อมา ภาพสถานที่ที่รายล้อมไปด้วยต้นไม้ ไร้ซึ่งแสงไฟและมนุษย์นั้น ก็ได้สร้างความรู้สึกลึกลับ น่ากลัว วังเวงให้กับใครหลาย ๆ คนอยู่ไม่น้อย โดยเฉพาะป่าหลายแห่งที่เต็มไปด้วยเรื่องราวลี้ลับอันหาข้อพิสูจน์ไม่ได้...
          
พอเริ่มพูดถึงเรื่องแบบนี้แล้วถ้าหากใครกำลังนึกภาพผืนป่าที่ลึกลับน่ากลัวอยู่ละก็ ขอเชิญมาขนลุกกันต่อ เพราะวันนี้ได้รวบรวมเรื่องราวของป่าอาถรรพ์ที่มีตำนานชวนสยองขวัญ 5 แห่งทั่วโลกมาฝากกัน แต่ละแห่งล้วนการันตีความลึกลับ-สยองขวัญ จากผู้ไปเยือนมาแล้ว
ป่าฟรีทาวน์ รัฐแมสซาชูเซตส์ สหรัฐอเมริกา (Freetown State Forest)          
ดูเผิน ๆ เหมือนเป็นป่าธรรมดาทั่วไป แต่เมื่อก้าวเท้าเข้ามาเยือนที่ป่าฟรีทาวน์แห่งนี้แล้ว คุณจะได้สัมผัสประสบการณ์สยองจากบรรดาวิญญาณแค้นของชนเผ่าวามพาน็อกโบราณผู้ล่วงลับ ที่เชื่อกันว่าเคยเป็นชนเผ่าผู้ปกครองผืนป่าแห่งนี้  พวกเขายังวนเวียนหลอกหลอนผู้คนอยู่ในป่าจวบจนปัจจุบัน
          
นอกจากนั้น ยังมีรายงานคดีฆาตกรรมอีกหลายครั้ง โดยเชื่อกันว่า คดีฆาตกรรมที่เกิดขึ้นภายในป่าแห่งนี้ เป็นการบูชายัญปิศาจของลัทธิบูชาซาตาน มีการพบสัญลักษณ์ดาว 5 แฉกบนพื้น และไม่ทราบว่าใครเป็นผู้เขียน
          
นอกจากนี้ยังมีรายงานการค้นพบจานบิน บิ๊กฟุต สัตว์ประหลาด ยักษ์ และสิ่งมีชีวิตเหนือธรรมชาติอีกมากมาย เพราะป่าแห่งนี้เป็นส่วนหนึ่งของ สามเหลี่ยมบริดจ์วอเตอร์ อันโด่งดังและขึ้นชื่อในเรื่องสิ่งลี้ลับพอ ๆ กับสามเหลี่ยมเบอร์มิวดาเลยทีเดียว
ป่าเอปปิ้ง เมืองเอสเซกซ์ ประเทศอังกฤษ (Epping Forest)
          
เป็นป่าที่ขึ้นชื่อในเรื่องที่เกี่ยวข้องกับอาชญากรรมมากมาย โดยเฉพาะฆาตกรชื่อดัง ดิ๊ก เทอร์พิน ที่เคยมาแอบซ่อนตัวที่ป่าแห่งนี้อยู่เป็นเวลานาน และเขาได้นำศพของเหยื่อมาฝังไว้ที่นี่เป็นจำนวนมากด้วย
          
จากคำบอกเล่าของชาวบ้าน ว่ากันว่าวิญญาณที่สิงสถิตอยู่ในป่าแห่งนี้จะปรากฏตัวหลังพระอาทิตย์ตกดิน โดยบ้างก็เล่าว่าเคยได้ยินเสียงกลองดังมาจากในความมืด ขณะที่กำลังตั้งแคมป์อยู่ในป่า บ้างก็ว่าเคยเห็นชายไร้หัว เดินดุ่ม ๆ อยู่ริมถนน นอกจากนี้ยังมีผีผู้หญิงที่มักจะโผล่มาแบบไม่ทันตั้งตัว และกระโจนเข้าใส่รถที่ขับผ่านป่าแห่งนี้ จนทำให้เกิดอุบัติเหตุมาแล้วหลายครั้ง
ป่าโหยหวน หมู่บ้านพลัคลี่ย์ ประเทศอังกฤษ (Screaming Wood)
          
ชื่อทางการคือ ป่าเดริง กินพื้นที่ทางใต้ของหมู่บ้านพลัคลี่ย์ หมู่บ้านที่ได้ชื่อว่าเฮี้ยนที่สุดในประเทศอังกฤษ เหตุที่ได้ชื่อป่าโหยหวน นั่นเป็นเพราะเลือดที่ไหลออกมาจากต้นไม้แต่ละต้นในป่าแห่งนี้ รวมถึงยังมีเสียงกรีดร้องดังมาจากป่าในช่วงเวลาดึกสงัด ซึ่งเป็นเสียงที่ชาวบ้านคุ้นเคยกันดี
          
เชื่อกันว่าป่าแห่งนี้ถูกสิงโดยวิญญาณของโจรที่ชาวบ้านเคยจับตัวได้ และพามาขึงกับต้นไม้ก่อนใช้ดาบคร่าชีวิตเขา ซึ่งโจรหนุ่มรายนั้นได้กรีดร้องโหยหวนเป็นเวลานานจนกระทั่งสิ้นลมหายใจ และนั่นอาจเป็นที่มาของเสียงร้องครวญครางที่ชาวบ้านได้ยินอยู่ทุกวันก็เป็นได้
ป่าโฮยาบาชู เมืองทรานซิลเวเนีย ประเทศโรมาเนีย (Hoia Baciu Forest)
          
เป็นสุดยอดป่าลึกลับมากอาถรรพ์ของประเทศโรมาเนีย มีรายงานการค้นพบเหตุการณ์เหนือธรรมชาติมากมายที่นี่ สิ่งที่สังเกตเห็นได้ชัดที่สุดคือ รูปร่างแปลกประหลาดของต้นไม้ในป่าแห่งนี้ พวกมันมีลักษณะโค้งงอผิดธรรมชาติ รวมถึงยังมีบรรยากาศชวนอึดอัดและวังเวงที่หาสาเหตุไม่ได้
          
ชาวบ้านในละแวกใกล้เคียงเล่าว่า นักท่องเที่ยวที่มายังป่าแห่งนี้ มักวิ่งหนีออกมาจากป่าด้วยท่าทีหวาดกลัวสุดขีดพร้อมร่องรอยไหม้สีดำเกรียมที่ผิวหนัง เมื่อถามซักไซ้ถึงที่มาที่ไป ปรากฏว่าพวกเขาทุกคนต่างลืมสิ่งที่เกิดขึ้นในป่าจนหมด
          
นอกจากนี้ ดร.อเล็กซานดรู ซิฟต์ ได้ถ่ายภาพแสงไฟประหลาดบนท้องฟ้าในป่าแห่งนี้ได้ จึงบังเกิดเป็นเรื่องราวและกระแสความเชื่อที่ว่า ในป่าแห่งนี้อาจเป็นฐานทัพลับ ๆ ของมนุษย์ต่างดาวที่มายังโลกก็เป็นได้ และที่ผ่านมาพวกมันอาจจะจับเอาสัตว์ป่าและคนในละแวกไปทดลอง เช่นกรณีของเด็กเลี้ยงแกะคนหนึ่ง ที่ต้อนแกะกว่า 200 ตัวเข้าไปในป่า แต่หลังจากนั้นก็ไม่มีใครได้พบเห็นเขาและฝูงแกะอีกเลย
ป่าอาโอกิกาฮาระ ภูเขาไฟฟูจิ ประเทศญี่ปุ่น (Aokigahara Forest)
          
ป่าอาโอกิกาฮาระ เป็นผืนป่าพื้นที่ราว 35 ตารางกิโลเมตรที่ทอดตัวอยู่บริเวณเชิงภูเขาไฟฟูจิ ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งหากมองเผิน ๆ แล้วก็เป็นผืนป่าที่อุดมสมบูรณ์ผืนหนึ่ง แต่ใครเลยจะเชื่อว่าป่าแห่งนี้มีผู้มาฆ่าตัวตายเฉลี่ยปีละ 100 คน !!!
          
ปรากฏการณ์ฆ่าตัวตายนี้เริ่มต้นขึ้นเมื่อนักเขียนเซโช มัตสึโมโต ได้เขียนนิยายเรื่อง คุโรอิ ไคจู ขึ้นมา และใช้ป่าแห่งนี้เป็นสถานที่ที่ตัวละคร 2 ตัวมาฆ่าตัวตาย หลังจากนั้นมาก็มีคนแห่มาฆ่าตัวตายในป่าแห่งนี้อยู่บ่อย ๆ จนต้องมีการติดป้ายเตือนใจประเภท "ชีวิตมีค่า โปรดคิดอีกครั้ง" หรือ "คิดถึงครอบครัวก่อนจะทำอะไรลงไป" เลยทีเดียว

มีการรายงานจากนักท่องเที่ยวว่าได้พบเห็นสิ่งเหนือธรรมชาติในป่าแห่งนี้บ่อยครั้ง คาดว่าน่าจะเป็นวิญญาณของเหล่าผู้ที่มาฆ่าตัวตายก่อนเวลาอันควร นอกจากนี้บรรดานักท่องเที่ยวยังพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า ที่ป่าแห่งนี้มีบรรยากาศอึดอัด วังเวง และชวนขนลุกอยู่ตลอดเวลา ถึงแม้จะเป็นตอนกลางวันแสก ๆ ก็ตาม

รายการบล็อกของฉัน