ค้นหา

บทความที่ได้รับความนิยม

Wikipedia

ผลการค้นหา

วันอังคารที่ 26 เมษายน พ.ศ. 2559

ฝ้ายขาว


ฝ้ายขาว
ฝ้ายขาว ชื่อสามัญ Cotton plant Cotton, Sea Iceland Cotton
ฝ้ายขาว ชื่อวิทยาศาสตร์ Gossypium herbaceum L. จัดอยู่ในวงศ์ชบา (MALVACEAE)
สมุนไพรฝ้ายขาว มีชื่ออื่น ๆ ว่า ฝ้าย ฝ้ายไทย ฝ้ายหีบ (ไทย), เหมียวฮวา เฉ่าเหมียนฮวา (จีนกลาง)
ฝ้ายดอก (เชียงใหม่), ฝ้ายชัน (ลำปาง), ฝ้ายเทศ (ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ), ฝ้ายตุ่น เป็นต้น


ลักษณะของฝ้ายขาว
ต้นฝ้ายขาว จัดเป็นพรรณไม้พุ่มหรือไม้ยืนต้นขนาดย่อม มีอายุได้หลายปี ลำต้นมีความสูงได้ประมาณ 1-3 เมตร แตกกิ่งก้านน้อย ลำต้นเป็นสีเขียวมีลักษณะตั้งตรง มีขนละเอียดขึ้นหนาแน่นขยายพันธุ์ด้วยวิธีการเพาะเมล็ด เจริญเติบโตได้ดีในดินร่วนซุย จัดเป็นพรรณไม้พื้นเมืองที่ปลูกกันมากทางภาคเหนือของประเทศไทย มีถิ่นกำเนิดในเอเชียตะวันตกเฉียงใต้
ใบฝ้ายขาว ใบเป็นใบเดี่ยว ออกเรียงสลับ ลักษณะของใบเป็นรูปไข่กว้าง ใบแยกออกเป็นแฉก ปลายใบแหลม โคนใบเว้าเล็กน้อย ขอบใบเรียบและเว้าเป็นแฉก 3-5 แฉก ใบมีขนาดกว้างประมาณ 8-10 เซนติเมตร และยาวประมาณ 10-12 เซนติเมตร ก้านใบยาวประมาณ 2.5-8 เซนติเมตร


ดอกฝ้ายขาว ออกเป็นดอกเดี่ยว โดยจะออกตามซอกใบและที่ปลายกิ่ง มีใบประดับหุ้ม ปลายใบประดับเป็นเส้นแหลมประมาณ 12 เส้น กลีบดอกบางมี 5 กลีบ กลีบดอกค่อนข้างกลมเป็นสีขาวอมเหลือง ออกเรียงซ้อนกัน แต่ละกลีบกว้างประมาณ 2.5-3 เซนติเมตร และยาวประมาณ 3-4 เซนติเมตร เมื่อดอกบานเต็มที่จะเปลี่ยนเป็นสีชมพู ใจกลางดอกเป็นสีม่วงอ่อน ๆ มีเกสรเพศผู้มากมายรวมอยู่ในดอก ดอกมีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 5-7 เซนติเมตร มีกลีบเลี้ยงรูปสามเหลี่ยม ยาวประมาณ 2-3 เซนติเมตร และขอบเป็นฟันเลื่อย 6-8 หยัก ออกดอกในช่วงประมาณเดือนกรกฎาคมถึงเดือนกันยายน

ผลฝ้ายขาว ผลมีลักษณะเป็นรูปกลม เป็นผลแห้ง แตกได้ตามพูเป็น 3-4 ซีก ภายในมีเมล็ดขนาดเล็กสีดำหรือสีน้ำตาลจำนวนมาก เมล็ดมีลักษณะค่อนข้างกลมและแข็ง ยาวประมาณ 1 เซนติเมตร และมีขนปุยสีขาวหุ้มเมล็ดอยู่ จะออกผลเมื่อยดอกแก่ร่วงไปแล้ว


สรรพคุณของฝ้ายขาว
รากมีรสชุ่ม เป็นยาร้อนเล็กน้อย ออกฤทธิ์ต่อปอดและตับ ใช้เป็นยาบำรุงกำลัง (ราก)
รากใช้เป็นยาแก้กระษัยลม (ราก)
น้ำมันจากเมล็ดมีสรรพคุณช่วยลดระดับไขมันเลือด (น้ำมันจากเมล็ด)
รากมีสรรพคุณแก้ไอ ช่วยขับเสมหะ (ราก)
รากใช้เป็นยาแก้หอบ (ราก)
รากนำมาต้มกับน้ำรับประทานเป็นยาแก้หลอดลมอักเสบ เมื่อนำน้ำที่ต้มได้จากรากมาให้ผู้ป่วยที่มีอาการหลอดลมอักเสบรับประทาน พบว่าสามารถรักษาผู้ป่วยให้หายเป็นปกติได้ คิดเป็น 70-80% (ราก)
เมล็ดใช้เป็นยารักษาอาการอั้นปัสสาวะไม่อยู่ (เมล็ด)
เมล็ดใช้เป็นยาแก้ริดสีดวง ถ่ายเป็นเลือด (เมล็ด)
รากและเปลือกรากมีรสขื่นเอียน ใช้ปรุงเป็นยาขับประจำเดือนของสตรี แก้ประจำเดือนมาไม่เป็นปกติ ช่วยขับหรือแก้มุตกิดตกขาว ทำให้มดลูกบีบตัวอย่างแรง อาจทำให้แท้งบุตรได้ง่าย สตรีมีครรภ์ไม่ควรใช้ (ราก,เปลือกราก,เปลือกลำต้น)


เมล็ดใช้เป็นยาแก้สตรีตกเลือด รวมถึงตกขาว (เมล็ด)
เมล็ดมีสรรพคุณเป็นยาแก้สมรรถภาพทางเพศเสื่อม (เมล็ด)
ช่วยแก้อาการตัวบวม (ราก)
เมล็ดมีรสเผ็ดร้อน เป็นยาร้อน มีพิษเล็กน้อย ใช้เป็นยาบำรุงไต ทำให้ไตอบอุ่น (เมล็ด)
ใช้เป็นยาแก้ตับอักเสบเรื้อรัง เมื่อใช้รากเข้ากับตำรายารักษาแก้ตับอักเสบ โดยใช้รากเป็นยาหลัก ใช้วันละ 15 กรัม รับประทานวันละ 2-3 ครั้ง ติดต่อกันเป็นเวลา 15 วัน พบว่าร่างกายของผู้ป่วยมีการผลิตเม็ดเลือดขาวเพิ่มขึ้น ทำให้อาการอักเสบน้อยลงและผู้ป่วยมีอาการดีขึ้น (ราก)
รากใช้เป็นยาห้ามเลือด (ราก)
น้ำมันจากเมล็ดมีรสเผ็ดร้อน เป็นยาร้อน มีพิษเล็กน้อย ใช้เป็นยาแก้กลากเกลื้อน แก้ฝีหนองภายนอก (น้ำมันจากเมล็ด)

น้ำมันจากเมล็ดใช้เป็นยาแก้แผลมีหนองเรื้อรัง แก้โรคผิวหนัง รักษาผิวหนังให้ชุ่มชื้น รวมถึงช่วยบีบมดลูกเพื่อช่วยลมเบ่ง (น้ำมันจากเมล็ด)
ข้อห้ามใช้ : สตรีมีครรภ์ห้ามรับประทานสมุนไพรชนิดนี้ เพราะอาจทำให้เกิดการแท้งบุตรได้ง่าย
ขนาดและวิธีใช้ : การใช้ตาม 


รากแห้งให้ใช้ครั้งละ 15-35 กรัม ส่วนเมล็ดให้ใช้ครั้งละ 6-15 กรัม นำมาต้มกับน้ำรับประทาน การใช้ภายนอกให้ใช้น้ำต้มชะล้างบาดแผลหรือใช้น้ำที่ต้มมาอบร่างกาย[3] ส่วนการใช้น้ำมันจากเมล็ดตาม  ให้นำน้ำมันเมล็ดฝ้ายผสมปรุงในอาหาร เช้าและเย็น หรือใช้บรรจุแคปซูลกิน 1-2 แคปซูล เช้าและเย็น
หมายเหตุ : ในวงศ์เดียวกัน ยังมีฝ้ายอีกหลายชนิด เช่น Gossypium hirstum L., Gossypium barbadense L. ซึ่งแต่ละชนิดจะมีสรรพคุณที่ใกล้เคียงกัน และสามารถนำมาใช้แทนกันได้
advertisements

ข้อมูลทางเภสัชวิทยาของฝ้ายขาว
สารสำคัญที่พบ ได้แก่ alamine, apocynin, aspartic acid, glutamic acid, glycine, gossypetin, gossyptrin, gossypol


รายการบล็อกของฉัน