 |
| โพรเทีย ** Protea cynaroides |
ดอกใหญ่ๆอลังๆการๆที่เห็นกันอยู่นี้ แท้จริงแล้วเป็นช่อกระจุกแน่น คือมีดอกเล็กๆอยู่กันอย่างเบียดเสียดบนช่อเดียวกัน (อารมณ์เดียวกับดอกทานตะวันล่ะครับ) แล้วกลีบสีสวยๆรอบๆนั่นก็ไม่ใช่กลีบดอกแต่อย่างใดนะครับ เป็นเพียงใบประดับเท่านั้นครับผม
 |
ใบประดับของ King Protea นี้มีตั้งแต่สีขาว ชมพูซีดๆ จนถึงสีแดงเข้มเลยครับ ดอกที่เห็นนี่ถือว่ามีขนาดกลางๆครับ บางต้นสามารถให้ดอกได้ใหญ่โตมโหฬารกว้างกว่าฟุตนึงอีกแน่ะ จะมองมุมไหนก็สวยถูกตาถูกใจจริงๆเลยครับ อยากจะกด like ซักร้อยครั้ง แหะๆ
โพรเทีย Protea cynaroides
โพรเทียชนิดนี้ต้นไม่ใหญ่ครับ อย่างมากก็เมตรกว่าๆถึงสองเมตรเท่านั้นเอง ที่เห็นปลูกกันที่นี่ก็ต้นแค่เอวเองครับว่าแล้วก็มาเพิ่มความรู้รอบตัวกันหน่อยดีไหมครับ
โพรเทียชนิดนี้ต้นไม่ใหญ่ครับ อย่างมากก็เมตรกว่าๆถึงสองเมตรเท่านั้นเอง ที่เห็นปลูกกันที่นี่ก็ต้นแค่เอวเองครับว่าแล้วก็มาเพิ่มความรู้รอบตัวกันหน่อยดีไหมครับ
King Protea
นี้เป็นดอกไม้ประจำชาติของประเทศสาธารณรัฐแอฟริกาใต้
คำว่า Protea มาจากชื่อของเทพเจ้ากรีก Proteusผู้ที่สามารถเปลี่ยนรูปร่างเป็นโน่นเป็นนี่ได้มากมายตั้งชื่อนี้ก็เพราะว่ารูปดอกของสกุลนี้มีความหลากหลายสูงมากครับคำว่า cynaroides ก็มาจากคำว่า cynara ซึ่งเป็นชื่อสกุลของอาร์ติโชค (artichoke) ผักฝรั่งๆที่ Fiyeroว่ามันไม่อร่อยเท่าไหร่เลย ลักษณะรูปทรงเค้าเป็นโคนคล้ายๆกัน เลยได้ชื่อนี้มาครับ
นี้เป็นดอกไม้ประจำชาติของประเทศสาธารณรัฐแอฟริกาใต้
คำว่า Protea มาจากชื่อของเทพเจ้ากรีก Proteusผู้ที่สามารถเปลี่ยนรูปร่างเป็นโน่นเป็นนี่ได้มากมายตั้งชื่อนี้ก็เพราะว่ารูปดอกของสกุลนี้มีความหลากหลายสูงมากครับคำว่า cynaroides ก็มาจากคำว่า cynara ซึ่งเป็นชื่อสกุลของอาร์ติโชค (artichoke) ผักฝรั่งๆที่ Fiyeroว่ามันไม่อร่อยเท่าไหร่เลย ลักษณะรูปทรงเค้าเป็นโคนคล้ายๆกัน เลยได้ชื่อนี้มาครับ
 |
ข้อแม้ของการปลูกต้นนี้ก็คือ อากาศต้องแห้งบวกเย็นนิดๆ ดินต้องระบายน้ำดีม้ากมากแถมต้องเป็นกรด ดินห้ามมีฟอสฟอรัสเยอะแล้วก็ห้าม
มีโปแตสเซียมน้อยอีก โพรเทียมีระบบดูดซับความชื้นผ่านทางใบด้วยครับ นี่ก็เพราะถิ่นกำเนิดเค้าฝนตกน้อยมาก (300-1500 มม./ปี) จะได้น้ำก็แต่ไอหมอกจากทะเลกับน้ำที่ซึมใต้ดินเท่านั้นล่ะครับ เมืองเรา ร้อนมาก และชื้นมาก น้ำก็เข้าต้นมากเกิน เน่าเลย แง
มีโปแตสเซียมน้อยอีก โพรเทียมีระบบดูดซับความชื้นผ่านทางใบด้วยครับ นี่ก็เพราะถิ่นกำเนิดเค้าฝนตกน้อยมาก (300-1500 มม./ปี) จะได้น้ำก็แต่ไอหมอกจากทะเลกับน้ำที่ซึมใต้ดินเท่านั้นล่ะครับ เมืองเรา ร้อนมาก และชื้นมาก น้ำก็เข้าต้นมากเกิน เน่าเลย แง
 |
โพรเทียหลายๆชนิดยังถูกจับมาทำดอกไม้แห้ง
อีกด้วย การทำให้แห้งก็มีอยู่หลายวิธี ที่นิยมกันก็มีดังนี้ครับ:จับดอกที่ตัดมาห้อยลง ผึ่งไว้ที่ที่มืด แห้ง และลมโกรกประมาณสองอาทิตย์แช่สารละลายกลีเซอรีน แล้วค่อยมาห้อยอย่างที่ว่าไว้ครับผมรมควันด้วยกำมะถันก่อน แล้วค่อยมาห้อยไว้เช่นเดียวกันครับ วิธีนี้จะทำให้สียังคงสดใสอยู่มากที่สุดครับ
อีกด้วย การทำให้แห้งก็มีอยู่หลายวิธี ที่นิยมกันก็มีดังนี้ครับ:จับดอกที่ตัดมาห้อยลง ผึ่งไว้ที่ที่มืด แห้ง และลมโกรกประมาณสองอาทิตย์แช่สารละลายกลีเซอรีน แล้วค่อยมาห้อยอย่างที่ว่าไว้ครับผมรมควันด้วยกำมะถันก่อน แล้วค่อยมาห้อยไว้เช่นเดียวกันครับ วิธีนี้จะทำให้สียังคงสดใสอยู่มากที่สุดครับ
