ค้นหา

บทความที่ได้รับความนิยม

Wikipedia

ผลการค้นหา

วันอังคารที่ 27 สิงหาคม พ.ศ. 2567

เห็ดอเมทิสต์ หรือ ราเมือกอเมทิสต์เห็ดแปลกๆที่มีสีสันแวววาวราวกากเพชร


เห็ดอเมทิสต์ หรือ ราเมือกอเมทิสต์เห็ด
Amethyst mushroom



“เห็ดอเมทิสต์” หรือ “ราเมือกอเมทิสต์”  (Amethyst mushroom, Amethyst slime mold) มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Elaeomyxa Cerifera แม้ว่าจะมีชื่อเรียกว่าเห็ดก็ตาม แต่มันถูกจัดเป็นราเมือก (Slime mold) ชนิดหนึ่ง ซึ่งสามารถพบได้เฉพาะทางตอนเหนือของรัฐแทสมาเนีย (Tasmania) เท่านั้น


มันมีลักษณะภายนอกที่ดูโดดเด่นเป็นอย่างมาก โดยบนยอดที่มีลักษณะเป็นพุ่มนั้น เป็นกระเปาะสปอร์ที่มีแสงระยิบระยับ ราวกับกากเพชร หรือดวงดาวในท้องฟ้ายามค่ำคืนเลยทีเดียว โดยรูปร่างของมันเมื่อรวมเข้ากับกระเปาะด้านบนจึงทำให้มีลักษณะคล้ายเห็ดนั่นเอง


โดยเมื่อแตกออก และปล่อยสปอร์ที่มีสีสวยงามที่ประกอบไปด้วย สีม่วง สีเงิน และสีเขียว ซึ่งลักษณะที่ดูเหมือนกับแสงระยิบระยับนี้ ก็คือราเมือกที่เกิดหลังจากการปล่อยสปอร์นั่นเอง


มันเป็นสิ่งมีชีวิตที่มีสีสัน และรูปแบบอันสวยงามแตกต่างกันไปตามแต่ละสายพันธุ์ ซึ่งเรามักจะไม่เห็นมันได้ง่าย ๆ หากไม่มีอุปกรณ์ที่เหมาะสม เนื่องจากมันมีขนาดเล็กมาก ๆ



“ซาร่า ลอยด์” (Sarah Lloyd) นักวิจัย ผู้ใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการสำรวจ และเก็บตัวอย่างราเมือกสุดแวววาวนี้ ซึ่งนี่ก็เป็นหนึ่งในราเมือกที่เธอเก็บมาด้วยเช่นกัน ซึ่งมันเป็นหนึ่งใน 1,800 ตัวอย่างจาก 120 สายพันธุ์ที่เธอเก็บและศึกษาอีกด้วย
ลองมาดูโชว์เคสของ Happy shopping บน TikTok สิ! https://vt.tiktok.com/ZMrXJaMU1/?page=TikTokShop


วันอาทิตย์ที่ 21 กรกฎาคม พ.ศ. 2567

ดอกไม้มีตำนาน ดอกเข้าพรรษา หรือ กล้วยจะก่าหลวง หรือข่าเจ้าคุณวินิจ


ดอกไม้มีตำนาน ดอกเข้าพรรษา หรือ กล้วยจะก่าหลวง หรือข่าเจ้าคุณวินิจ 

วันนี้เราก็มาดูเรื่องดอกไม้ใบไม้ต้นไม้กันบ้างนะครับที่จะมานำเสนอนี่ก็ชื่อว่าดอกเขาพรรษา


จริงๆแล้วดอกไม้มันคงจะมีชื่อของมันนะครับตามหลักวิทยาศาสตร์หรืออะไรก็แล้วแต่แต่จริงๆคนก็ไม่อยากจะเรียกมาเรียกตามใจชอบโดยเฉพาะตั้งชื่อกันเองอย่างเช่นดอกไม้ที่จะเอ่ยถึงนี้


ดอกเข้าพรรษา กล้วยจะก่าหลวง หรือข่าเจ้าคุณวินิจ  นี่คือตัวอย่างดอกชนิดเดียวกันแต่มีรายชื่อก็เพราะว่าคนไปตั้งชื่อกันไปมามั่วไปหมดทำใจครับ


แต่ก็เรียกว่าดอกเข้าพรรษาก็แล้วกันง่ายๆมีชื่อทางชื่อวิทยาศาสตร์ว่า: Globba winitii เป็นพืชดอกในสกุลเทียนพรรษา วงศ์ขิง มีดอกเป็นช่อสีเหลือง มีเหง้าใต้ดิน กาบใบห่อขึ้นมาเป็นลำต้นเทียม ใบเดี่ยว ดอกช่อ


 มีริ้วประดับรูปไข่แกมรีสีม่วงแดงหรือสีขาวรองรับดอกย่อยสีเหลือง ผลรูปไข่มีสามพูออกดอกช่วงมิถุนายน – ตุลาคม พบในภาคเหนือและภาคกลาง
 

พบครั้งแรกในไทยเมื่อ 4 กันยายน พ.ศ. 2467 ที่บ้านแม่ก้อ จังหวัดลำพูน โดยพระยาวินิจวนันดร ชื่อสปีชีส์ตั้งเป็นเกียรติแก่ผู้ค้นพบ

ทำใจครับใครพบเจอคนแรกก็ตั้งชื่อคนนั้นบางทีก็ตั้งตามใจชอบ

ต้นไม้ดอกไม้มันก็มีสายพันธุ์ของมันบางทีชาวบ้านถิ่นที่อยู่นั้นเขาเรียกอีกอย่างหนึ่งคนที่ไปเจอคนเห็นว่ามันแปลกก็เลยเลือกตั้งชื่ออีกอย่างหนึ่ง ก็ต้องทำใจทางที่ดีแล้วก็เอามาปลูกเอามาขยายพันธุ์ดีกว่าต้นไม้แปลกๆหายาก

ลองมาดูโชว์เคสของ Happy shopping บน TikTok สิ! https://vt.tiktok.com/ZMrmd9dWR/?page=TikTokShop



วันจันทร์ที่ 15 กรกฎาคม พ.ศ. 2567

ย้อนรอยตำนานผักตบชวาที่คุณอาจจะคาดคิดไม่ถึงว่ามันแพร่พันธุ์กระจายมาที่ไทยได้อย่างไรผักตบชวา ดอกสวย เอเลียนสปีชีส์ตัวแม่



ย้อนรอยตำนานผักตบชวาที่คุณอาจจะคาดคิดไม่ถึงว่ามันแพร่พันธุ์กระจายมาที่ไทยได้อย่างไรผักตบชวา ดอกสวย เอเลียนสปีชีส์ตัวแม่

🪻ผักตบชวา (Water Hyacinth) 
เป็นไม้น้ำล้มลุกประเภทใบเลี้ยงเดี่ยว มีไหลทอดเลื้อยไปตามผิวน้ำ ลอยน้ำได้โดยไม่ต้องมีที่ยึด

เกาะ มีดอกกลีบบางสีชมพูอมฟ้าอมม่วงเป็นช่อตั้งสวยงามคล้ายดอกกล้วยไม้ หรือ ดอกไฮยาซินธ์ (hyacinth)
เป็นที่มาของชื่อ Water Orchid หรือ Water Hyacinth สามารถอยู่ได้ทุกสภาพน้ำ มีถิ่นกำเนิดในแถบลุ่มน้ำ
อะเมซอน ประเทศบราซิล ใน ทวีปอเมริกาใต้


ผักตบชวา มีลำต้นสั้น แตกใบเป็นกอลอยไปตามน้ำ มีไหล ซึ่งเกิดตามซอกใบแล้วเจริญเป็นต้นอ่อนที่ปลายไหล
ถ้าน้ำตื้นก็จะหยั่งรากลงดิน ใบเป็นใบเดี่ยวคล้ายรูปไข่หรือเกือบกลม ก้านใบกลมอวบน้ำ ตรงกลางพองออก ภายใน
เป็นช่องอากาศมีรูพรุนคล้ายฟองน้ำช่วยให้ลอยน้ำได้ ขนาดของใบและความยาวของก้านจะขึ้นกับสภาพแวดล้อม
แผ่นใบเป็นสีเขียวสด มีลายเส้นโค้งทั้งใบ

ดอก ออกเป็นช่อที่ปลายยอดอยู่กลางกอ ในช่อหนึ่งจะประกอบไปด้วยดอกขนาดเล็กประมาณ 3-25 ดอก ดอกย่อย
เป็นสีชมพูอมฟ้าหรือม่วง มีกลีบดอก 6 กลีบ กลีบบนสุดจะมีขนาดใหญ่กว่ากลีบอื่น ๆ มีแต้มสีเหลืองที่กลางกลีบ
กลีบดอกบาง บานพร้อมกันหมดทั้งช่อ โดยจะเริ่มบานตั้งแต่แสงอาทิตย์เริ่มส่อง และจะบานเต็มที่เมื่อแสงแดดส่องจ้า

ดอกบานแค่วันเดียว สีสวยเด่นสะดุดตา แพร่พันธุ์ได้รวดเร็วมาก โดยจะออกดอกช่วงปลายฤดูหนาวถึงต้นฤดูร้อน
ผล เป็นผลแบบแคปซูล (capsule) แห้งและแตกได้ ลักษณะเป็นรูปทรงกระบอก แบ่งเป็นพู 3 พู เมื่อแก่จะแตก
กลางพู (loculicidal capsule) ปลายผลมีลักษณะแหลมยื่นออกมา มีเมล็ดกลมอยู่ภายในผลเป็นจำนวนมาก
มีรายงานว่าในพื้นที่ธรรมชาติ 1ไร่ มีเมล็ดของผักตบชวาจมอยู่ในโคลน 18 ล้านเมล็ด สามารถมีชีวิตอยู่ในดินได้นาน
ถึง 15 ปี และทันทีที่เมล็ดได้รับน้ำที่เพียงพอ มันก็จะแตกหน่อเป็นต้นใหม่ต่อไป แพร่พันธุ์ได้อย่างรวดเร็ว
จนกลายเป็นวัชพืชที่ร้ายแรงในแหล่งน้ำทั่วไป

👉ผักตบชวา จัดเป็น "เอเลี่ยน สปีชี่ส์" หรือ "ชนิดพันธุ์ต่างถิ่น" ที่เข้ามาแพร่ระบาดรุกรานจนก่อให้เกิดความ
เสียหายต่อระบบนิเวศในประเทศไทย มีการแพร่ขยายพันธุ์อย่างรวดเร็ว ใน 1 เดือนผักตบชวาเพียง 1 ต้นอาจ
ขยายพันธุ์ได้มากถึง 1,000 ต้น ในถิ่นกำเนิดของมัน มีศัตรูธรรมชาติ เช่น แมลง โรค และศัตรูอื่น ๆ คอยควบคุม
การระบาด แต่เมื่อถูกนำไปจากถิ่นกำเนิดซึ่งปราศจากศัตรูธรรมชาติ ผักตบชวาจึงเจริญเติบโตอย่างรวดเร็ว
ทำให้เกิดปัญหาต่าง ๆ ตามมา


👉ผักตบชวา ถูกนำเข้ามาในประเทศไทยในปี พ.ศ. 2444 ในสมัยรัชกาลที่ 5 โดยนำเข้ามาจากประเทศอินโดนีเซีย
(ชวา) ในฐานะเป็นไม้ประดับสวยงาม โดยเจ้านายฝ่ายในที่ตามเสด็จประพาสประเทศอินโดนีเซีย 
ได้เห็นพืชชนิดนี้มีดอก
สวยงามจึงนำกลับมาปลูกในประเทศไทย และใส่อ่างดินเลี้ยงไว้หน้าสนามวังสระปทุม จนกระทั่งเกิดน้ำท่วมวังสระปทุมขึ้น

ทำให้ผักตบชวาหลุดลอยกระจายไปตามแม่น้ำลำคลองทั่วไป จนถึงปี พ.ศ. 2456 จึงได้มีพระราชบัญญัติ
สำหรับกำจัดผักตบชวาออกมา

ปัจจุบันมีหน่วยงานและองค์กรต่าง ๆ ได้เข้ามาช่วยเหลือในการกำจัด เช่น นำไปผลิตเป็นของใช้ อาหารสัตว์
ทำปุ๋ย ฯลฯ และมีการนำแมลงมวนผักตบจากแหล่งกำเนิดที่ทวีปอเมริกาใต้ เข้ามาทดลองปล่อยในประเทศไทย
เพื่อควบคุมจำนวนประชากรของผักตบชวา

ผักตบชวา สามารถอยู่ได้ทุกสภาพน้ำ ทั้งในน้ำสกปรกและน้ำสะอาด ช่วยในการบำบัดน้ำเสีย โดยการกรองน้ำ
ที่ไหลผ่านกอผักตบชวาอย่างช้า ๆ ทำให้ของแข็งแขวนลอยต่าง ๆ ที่ปนอยู่ในน้ำถูกสกัดกลั่นกรองออก นอกจากนั้น
ระบบรากที่มีจำนวนมากจะช่วยกรองสารอินทรีย์ที่ละเอียด และจุลินทรีย์ที่อาศัยเกาะอยู่ที่ราก จะช่วยดูดสารอินทรีย์ไว้ด้วย

อีกทางหนึ่ง รากผักตบชวาจะดูดสารอาหารที่อยู่ในน้ำ ทำให้ไนโตรเจนและฟอสฟอรัสในน้ำเสียถูกกำจัดไป
สถานที่แรกในประเทศไทยที่ใช้การบำบัดด้วยวิธีนี้คือ "บึงมักกะสัน" ซึ่งเป็นโครงการบึงมักกะสันอันเนื่องมาจากพระ
ราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว โดยใช้หลักการบำบัดน้ำเสียตามแนวทฤษฎีการพัฒนาโดยการกรองน้ำเสีย

ด้วยผักตบชวา (Filtration)
การบริโภค ดอกอ่อนและก้านใบอ่อนกินเป็นผักลวกจิ้มน้ำพริกหรือทำแกงส้ม
ใช้เป็นอาหารเลี้ยงสัตว์ เช่นหมู ใช้ทำปุ๋ยหมัก ก้านและใบอ่อนนำมารับประทานได้ ใช้ในการบำบัดน้ำเสีย
ใช้เป็นเชื้อเพลิง ใช้ทำเครื่องจักสานผักตบชวา

 ด้านสมุนไพร ใช้แก้พิษภายในร่างกาย และขับลม ใช้ทา หรือพอกแก้แผลอักเสบ


ก็อย่างว่าอะไรนะครับบางทีความไม่รู้หรือความรู้เท่าไม่ถึงการณ์หรือบางทีอาจจะรู้แต่เกิดความละโมบโลภมากก็นำสิ่งที่แพร่พันธุ์ที่เรียกว่าเอเลียนสปีชีส์ไม่ว่าจะเป็นพันธุ์พืชหรือสัตว์เข้ามาแพร่พันธุ์ทำลายสภาพแวดล้อมและทำลายทุกสิ่งทุกอย่างได้อย่างรวดเร็วโดยเฉพาะผักตบชวาหรือที่กำลังเป็นข่าวอยู่ในขณะนี้เช่นปลาหมอคางดำสปีชีส์เอเลี่ยนตัวแม่เลยก็ว่าได้นะครับ

แปะตาปิดหรือว่าคนใหญ่คนโตเจ้าสัวคนไหนไม่ว่าใครก็แล้วแต่ในยุคสมัยอดีตหรือปัจจุบัน ที่นำเข้าสปีชีส์เอเลี่ยน  เอเลียนสปีชีส์พันธุ์สัตว์หรือพันธุ์พืชที่เป็นอันตรายแพร่กระจายรวดเร็วเข้ามาทำลายสภาพแวดล้อมมันก็ไม่ดีทั้งสิ้นเลย

ไม่ว่าจะนำเข้ามาเพื่อผลประโยชน์ของตัวเองหรือเพิ่มความสวยงามอะไรก็แล้วแต่..จนไม่สามารถควบคุมได้ควบคุมไม่ได้ หายนะก็จะเกิดขึ้นมีตัวอย่างให้เห็นไม่ว่าในอดีตหรือปัจจุบัน

ลองมาดูโชว์เคสของ Happy shopping บน TikTok สิ! https://vt.tiktok.com/ZMrB1DPgL/?page=TikTokShop



วันศุกร์ที่ 7 มิถุนายน พ.ศ. 2567

Valle dei Mulini รอยแยกของเปลือกโลกที่อิตาลี ธรรมชาติทวงคืนโรงโม่แป้ง ที่ถูกลืม แห่งซอร์เรนโต ประเทศอิตาลี


Valle dei Mulini รอยแยกของเปลือกโลกที่อิตาลี ธรรมชาติทวงคืนโรงโม่แป้ง ที่ถูกลืม แห่งซอร์เรนโต ประเทศอิตาลี

เมื่อมนุษย์ต้องการสร้างสิ่งต่างๆแต่ลืมดูว่านั่นคือธรรมชาติที่ไม่เหมาะสมกับการอยู่อาศัยเมื่อมนุษย์จะดันทุรังสร้างสิ่งต่างๆตึกรามบ้านช่องแต่สุดท้ายธรรมชาติก็ทวงคืนดังบทความนี้

Valle dei Mulini รอยแยกของเปลือกโลกที่อิตาลี ธรรมชาติทวงคืนกลืนโรงโม่แป้ง ที่ถูกลืมแห่งซอร์เรนโต ประเทศอิตาลี


Vallone dei Mullini เป็นรอยแยกของเปลือกโลกที่อิตาลี ในซอร์เรนโต และเต็มไปด้วยอาคารร้าง เช่น โรงโม่แป้ง พื้นที่อาบน้ำสาธารณะ และโรงเลื่อย 

รอยแยกนี้เกิดขึ้นเมื่อประมาณ 35,000 ปีก่อนเนื่องจากการปะทุภูเขาไฟครั้งใหญ่ของที่ราบ Flegreian การสะสมของเศษซากและลำธารที่ไหลสม่ำเสมอที่เรียกว่า 'Casarlano' และ 'Sant'Antonino' ทำให้เกิดภูมิประเทศ และทำให้สถานที่นี้เหมาะสำหรับโรงโม่แป้ง อาคารเหล่านี้สร้างจากหินและมีอายุย้อนกลับไปในยุคกลาง Vallone Dei Mullini แปลว่า "หุบเขาแห่งโรงโม่แป้ง" 

ครั้งแรก โรงโม่แป้งถูกสร้างขึ้นในรอยแยก หลังจากประสบความสำเร็จ ชุดอุตสาหกรรมอื่นๆ เช่น โรงเลื่อย 

และโรงซักล้าง ก็ถูกสร้างขึ้นเพื่อใช้น้ำที่ด้านล่าง ในเวลาต่อมา อาคารต่างๆ ถูกปิดและถูกทิ้งร้างเนื่องจากการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจและความชื้นสูงตามรอยแยก 


หลังจากถูกทิ้งร้าง อาคารต่างๆ ก็ถูกธรรมชาติกลืนกิน 

Vallone Dei Mullini เป็นตัวอย่างที่ชัดเจนของความพ่ายแพ้ ของอารยธรรมต่อธรรมชาติและอิทธิพลของการทำลายของมนุษย์ในธรรมชาติ 


🐸มนุษย์คิดว่าจะสามารถเอาชนะธรรมชาติได้และนี่คือตัวอย่างที่แสดงให้เห็นว่าเมื่อมนุษย์คิดจะเอาชนะธรรมชาติแล้วสุดท้ายมนุษย์ก็ต้องพ่ายแพ้แก่ธรรมชาติธรรมชาติทวงคืนสุดท้ายแล้วก็กลับไปสู่จุดเริ่มต้นใหม่


วันศุกร์ที่ 29 มีนาคม พ.ศ. 2567

ต้นไม้แปลก ต้นไทรในปล่องโรงสี ใจกลางกรุงเทพฯ


🌲ต้นไม้แปลก ต้นไทรในปล่องโรงสี ใจกลางกรุงเทพฯ
ฮือฮา !! Unseen Bangkok"ต้นไม้แปลก
ต้นไทรในปล่องโรงสี ใจกลางกรุงเทพฯ" 


ต้นไม้ที่มีลำต้นสี่เหลี่ยมนี้ คือต้นไทรที่เติบโตจนเป็นอันหนึ่งอันเดียวกับปล่องโรงสีข้าว อยู่ที่เขตราษฎร์บูรณะ กรุงเทพฯ น่าจะเกิดจากนกกินลูกไทร แล้วถ่ายเมล็ดไทรทิ้งไว้ในปล่องโรงสีข้าวที่ไม่ได้ใช้งานแล้ว เมื่อวันเวลาผ่านไป ก็เติบโตแผ่กิ่งก้านสาขา รากชอนไชจนเต็มด้านในของปล่องโรงสี แล้วแทรกลงดิน


คนท้องถิ่นที่มีอายุประมาณ50ปีเล่าว่าเห็นต้นไทรนี้ตั้งแต่จำความได้มีความสูงใหญ่มองเห็นได้แต่ไกล ฐานของปล่องไฟกว้าง 2.75 เมตร ต้นไทรรวมปล่องโรงสีข้าวสูงประมาณ 26 เมตร

เมื่อธรรมชาติอยู่ร่วมเป็นเนื้อเดียวกับสิ่งก่อสร้าง ก็กลายเป็นความแปลกตา น่าชม ไม่น่าเชื่อเลยว่า ในกรุงเทพฯ จะมีอย่างนี้


พิภพ บุษราคัมวดี ช่างภาพและนักเขียนสารคดีท่องเที่ยว ได้พบเห็นต้นไทรนี้ขณะล่องเรือเลียบแม่น้ำเจ้าพระยา ต่อมาได้เดินทางไปบันทึกภาพต้นไทรในปล่องโรงสีนี้หลายครั้ง
ภาพชุดนี้ถ่ายไว้เมื่อวันที่ 9 กันยายน พ.ศ.2557

พบใบชาที่เก่าแก่ที่สุดในโลกในสุสานราชวงศ์ฮั่น


พบใบชาที่เก่าแก่ที่สุดในโลกในสุสานราชวงศ์ฮั่นพบใบชาโบราณอายุกว่า 2,150 ปีในสุสานจักรพรรดิจีน

นักโบราณคดีจีนขุดพบใบชาโบราณอายุเก่าแก่ย้อนไปถึงสมัยจักรพรรดิองค์ที่ 4 แห่งราขวงฮั่นตะวันตกหรือกว่า 2,150 ปีมาแล้ว ในบริเวณสุสานจักรพรรดิใกล้บริเวณเมืองซีอาน มณฑลส่านซี การขุดค้นเริ่มขึ้นตั้งแต่ปี 1998 แต่ต้องอาศัยเวลากว่า 18 ปีเพื่อจะได้รับการยืนยันอายุของใบชาที่พบในสุสานนี้


ราชวงศ์ฮั่นตะวันตก อยู่ในช่วง 202 ปีก่อนคริสต์ศักราช ยาวนานมาจนถึงช่วง ค.ศ. 8 ตั้งเมืองหลวงอยู่ที่เมืองฉางอาน ยุคนี้ถือเป็นยุคทองของจีน บ้านเมืองมีความเงียบสงบปนะชาชนมังคั่ง จนคนจีนในยุคหลังจะเรียกตัวเองว่าเป็นชาวฮั่น แต่ความนิยมในการบริโภคชานั้น ตามหลักฐานแล้วกลับมาบูมเอาในอีกหลายร้อยปีถัดมา นั่นคือสมัยราชวงศ์ถัง หรือในช่วง ค.ศ.618- ค.ศ 907 ซึ่งเป็นสมัยหลังยุคสามก๊ก


การที่พบใบชาที่เก่าแก่จนเรียกว่าเป็นต้นกำเนิดใบชาครั้งนี้ นักวิจัยเชื่อกันว่าคนในสมัยฮั่นจะนำใบชามาบริโภคในลักษณะของยามากกว่าดื่มเพื่อความสำราญเหมือนในสมัยถังหรือสมัยหลังจากนั้นมาการค้นพบนี้ตีพิมพ์ในรายงาน The journal Scientific Reports

วันพุธที่ 7 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2567

สมอดีงูเป็นพันธุ์ไม้ยืนต้นที่มีชื่อแปลกๆแต่มีสรรพคุณทางยาใช้ผลระบายอุจจาระพุ่งแรงกว่าสมอชนิดอื่น

สมอดีงู




เป็นพันธุ์ไม้ยืนต้นที่มีชื่อแปลกๆแต่มีสรรพคุณทางยาใช้ผลระบายอุจจาระแรงกว่าสมอชนิดอื่น เมื่อกินผลของมันแล้วใครที่ท้องผูกอาจจะอุจจาระพุ่งปรี๊ดสบายท้องตัวเบา 


แต่อย่างไรอย่างไรก็ต้องได้การรับรองหรือแนะนำจากผู้รู้นะครับการจะกินยาสมุนไพรแบบนี้มันก็มีทั้งข้อดีข้อเสียถ้ารู้จักเอามาใช้ประโยชน์ในทางที่ถูกต้องก็จะมีผลต่อการรักษาที่ดีแน่นอน


สมอดีงู ชื่อวิทยาศาสตร์: Terminalia citrina Roxb. ex Fleming เป็นพืชในวงศ์สมอ Combretaceae[1] ชื่อท้องถิ่นอื่นๆ สมอหมึก (พัทลุง), สมอเหลี่ยม (ชุมพร) เป็นต้น

ลักษณะของพืช
เป็นพรรณไม้ยืนต้น แตกกิ่งก้ายสาขาแผ่ออก เปลือกไม้เรียบสีน้ำตาลแกมเทา มีพูพอนขนาดเล็กที่โคนต้น ใช่เมล็ดในการขยาพันธ์ ขนาดประมาณ 150-200 เซนติเมตร และสูงประมาณ 20-30เมตร จัดเป็นพรรณไม้กลางแจ้ง เจริญเติบโตได้ดีในบริเวรที่มีดินชื่น 

พบได้ทั่วไปในประเทศส่วนใหญมักพบบริเวณชายฝั่งทะเลภาคใต้ของประเทศไทย ใบเดี่ยว ออกตรงข้างกันเป็นคู่ๆ รูปร่างมนรีปลายใบแหลม ใบเกลี้ยงสีเขียว มีต่อม1-2คู่ไกล้โคนใบ ดอกจะไม่มีก้าน ไม่มีกลีบดอก แต่มีเกสร ดอกออกเป็นตามง่ามใบ และเชื่อมติดกันเป็นหลอด ผลรูปกระสวยกลม หัวท้ายแหลม ผลสดสีแดงเข้ม ขนาดเล็กเรียว ผลแห้งสีดำเข้ม ผลมีรสขมฝาด ในผลมีแทนนินมาก


สรรพคุณทางยา
ส่วนผลที่มีรสขมฝาดรักษาโรคเกี่ยวกับช่องท้อง แก้ลม แก้พิษ แก้โลหิตเป็นพิษ แก้เสมหะโลหิต และยังใช้เป็นยาแก้ไอ แก้เจ็บคอได้ ในทางสมุนไพร ใช้ผล แก้พิษดี พิษโลหิต แก้ไอ ขับโลหิตระดูสตรี ถ่ายพิษไข้ พิษเสมหะและโลหิต แก้เจ็บคอ ถ่ายอุจจาระธาตุ 


ระบายอุจจาระแรงกว่าสมอชนิดอื่นมาก ใช้รักษาโรคเกี่ยวกับช่องท้อง เป็นยาฝาดสมาน รักษาโรคท้องร่วงอย่างแรง ทางภาคเหนือใช้แก้ตะคริว นอกจากนั้น ยังเป็นส่วนประกอบในตำรับยาที่เรียกยาถ่ายดีเกลือฝรั่ง ใช้แก้ท้องผูก


สรรพคุณของสมอดีงูก็อย่างที่บอกแล้วนะครับมันใช่แก้ท้องผูกระบายท้องและอื่นๆอีกแต่ก็ควรใช้แต่พอเหมาะพอควรและได้รับการแนะนำจากผู้ที่มีประสบการณ์หรือว่าหมอจะดีกว่านะครับ


วันอังคารที่ 6 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2567

ต้นจามจุรียักษ์ กาญจนบุรี

ต้นจามจุรียักษ์ กาญจนบุรี


ต้นจามจุรียักษ์ ที่มีอายุกว่า 100 ปี กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวแห่งใหม่ของจังหวัดกาญจนบุรี 

ยิ่งหากเดินทาง
ไปช่วงเดือนกุมภาพันธ์ - พฤษภาคม 
ด้วยแล้ว จะได้เห็นดอกต้นจามจุรีสีชมพู่กำลังบานสะพรั่งอยู่เต็มต้น
ต้นจามจุรีนี้มีขนาดใหญ่มาก จะมีทรงพุ่มที่งดงาม 
ได้รูปทรงแตกต่างจากต้นอื่นๆ 
- รัศมีทรงพุ่มเฉลี่ย 25.87 เมตร 
- เส้นผ่าศูนย์กลางร่มเงา 51.74 เมตร 
- เส้นรอบวงร่มเงา 162.80 เมตร 
-เส้นรอบวงลำต้น 
(วัดที่ระดับความสูง 1.20 เมตร) 7.83 เมตร -ความสูงเรือนยอด 20 เมตร - พื้นที่ร่มเงา ประมาณ 2,101 ตารางเมตร หรือ 1 ไร่ 1 งาน กว่าๆ


วันศุกร์ที่ 26 มกราคม พ.ศ. 2567

สาคู (ปาล์ม)ปาล์ม แปลกๆซึ่งมีแป้งในลำต้นและนำมาผลิตเป็นสาคู ทำประโยชน์ได้มากมาย


สาคู (ปาล์ม)ปาล์ม แปลกๆซึ่งมีแป้งในลำต้นและนำมาผลิตเป็นสาคู ทำประโยชน์ได้มากมาย

นี้เราจะมานำเสนอเรื่องสาคูแต่ไม่ใช่สาคูเปียกมะพร้าวอ่อนหรือว่าสาคูไส้ไก่ไส้เนื้อนะครับแต่มันเป็นสาคู (ปาล์ม)
สาคู (ปาล์ม)


ต้นสาคู

การจำแนกชั้นทางวิทยาศาสตร์
อาณาจักร:Plantae
ไม่ได้จัดลำดับ:Angiosperms
ไม่ได้จัดลำดับ:Monocots
ไม่ได้จัดลำดับ:Commelinids
อันดับ:Arecales
วงศ์:Arecaceae
สกุล:Metroxylon
สปีชีส์:M.  sagu
ชื่อทวินามMetroxylon sagu
Rottb.
บทความนี้เกี่ยวกับปาล์ม สำหรับความหมายอื่น ดูที่ สาคู

การเก็บเกี่ยวแป้งสาคูจากต้น
การกรองแป้งสาคู
ปาล์มสาคู (ชื่อวิทยาศาสตร์: Metroxylon sagu) เป็นพืชจำพวกปาล์มชนิดหนึ่ง ซึ่งมีแป้งในลำต้นและนำมาผลิตเป็นสาคู ภาษามลายูเรียก sagu เป็นที่พบตามที่ชื้นแฉะ ถิ่นกำเนิดอยู่ที่นิวกินีและหมู่เกาะโมลุกกะประเทศอินโดนีเซีย และบริเวณใกล้เคียง กระจายพันธุ์ในอินโดนีเซีย มาเลเซีย ปาปัวนิวกินี และตอนใต้ของไทย


ต้นสาคูที่อายุ 9 ปี ขึ้นไปจะสะสมแป้งในลำต้นมาก เมื่อโค่นต้นจะจะลอกเอาแป้งที่มีลักษณะข้นเหนียวมาทำอาหารได้ เป็นอาหารที่ใช้ในยามขาดแคลนข้าว ในเกาะบอร์เนียว โดยนำแป้งไปใส่ถุงเสื่อแขวนไว้ให้ลอดช่องออกมาเป็นเม็ด ๆ นำไปตากแห้ง แล้วจึงนำไปทำอาหาร เมื่อเริ่มมีพ่อค้าจากจีนและตะวันตกเข้ามาค้าขายในบริเวณหมู่เกาะโมลุกกะ เมื่อได้ชิมอาหารที่ปรุงจากสาคูและมีความชื่นชอบ ทำให้แป้งสาคูกลายเป็นสินค้า ก่อนจะถูกแทนที่ด้วยเม็ดสาคูที่ทำจากแป้งมันสำปะหลัง แป้งสาคูบริสุทธิ์มีอะไมโลส 27% อะไมโลเพกติน 73%


แป้งจากปาล์มสาคูเป็นอาหารหลักในนิวกินี ส่วนในอินโดนีเซียและมาเลเซียใช้ทำเค้กและคุกกี้ เส้นก๋วยเตี๋ยวและขนมแห้งต่าง ๆ ในสหรัฐใช้ทำคัสตาร์ด ในทางอุตสาหกรรมใช้รักษารูปทรงในการผลิตกระดาษและเส้นใย ผสมในการผลิตไม้อัด ลำต้นอ่อนไส้กลวง และเศษน้ำที่เหลือจากการผลิตแป้งใช้เป็นอาหารสัตว์ เปลือกลำต้นใช้เป็นวัสดุก่อสร้างและเชื้อเพลิง ก้านใบใช้ทำฝาผนัง เพดาน และรั้ว ใบอ่อนใช้สานตะกร้า ยอดอ่อนรับประทานเป็นผัก หนอนของด้วงสาคูนำมารับประทานได้ ในหมู่เกาะโมลุกกะนิยมนำเห็ดฟางที่ขึ้นอยู่ในกากที่เหลือจากการผลิตแป้งมารับประทาน


 ใบสาคูนำมาเย็บเป็นตับใช้มุงหลังคาและฝาบ้าน ก้านใบนำมาลอกเปลือกนอกออก นำไปจักสานเป็นชะลอมหรือแผงวางของได้ ผลของต้นสาคูรับประทาน ในภาคใต้ของไทยนิยมนำต้นสาคูไปสับใช้เป็นอาหารสัตว์ ไม่ได้นำไปทำแป้งสาคูแล้ว


รายการบล็อกของฉัน